คุณรู้ไหมว่า การที่ผิวของเรามีความยืดหยุ่นนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะโปรตีนที่มีชื่อว่า “อิลาสติน” (Elastin) นั่นเอง เมื่อเราอายุมากขึ้น ผิวของเราจะสูญเสียความยืดหยุ่นและความแข็งแรงอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่โชคดีที่เราสามารถนำบางนิสัยที่ดีมาปรับใช้เพื่อชะลอไม่ให้ผิวขาดความยืดหยุ่นเร็ว และบางทีอาจช่วยลดสัญญาณของความชราได้ด้วยซ้ำ สำหรับวิธีที่เราอยากแนะนำมีดังนี้
1.หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด
แสงแดดถือเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ผิวมีสภาพที่แย่ลงค่ะ หากผิวของเราสะสมแสงแดดเป็นเวลานาน มันก็จะค่อยๆ ทำร้ายอิลาสตินในผิว ส่งผลให้ผิวเริ่มมีริ้วรอยและเหี่ยวย่นมากกว่าเดิม ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่คุณควรหลบแสงแดด หรือจะทาครีมกันแดดเพื่อป้องกันไม่ให้อิลาสตินเสื่อมสภาพค่ะ นอกจากนี้มันยังช่วยให้วิธีอื่นๆ ที่ทำให้ผิวแข็งแรงมีประสิทธิผลมากขึ้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
2.ปฏิบัติต่อผิวอย่างอ่อนโยน
การดูแลผิวให้มีสุขภาพดีถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ช่วยรักษาความยืดหยุ่นของผิว โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปีขึ้นไป สำหรับวิธีดูแลผิวที่เราอยากแนะนำ ตัวอย่างเช่น
- ถ้ามีผิวแห้ง ให้คุณใช้มอยส์เจอไรเซอร์สูตรอ่อนโยนที่มีสารเคมีและสารกันเสียให้น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ สำหรับตัวอย่างที่ดีคือ เชียบัตเตอร์บริสุทธิ์ที่ไม่มีการปลอมปน
- แต่งหน้าน้อยๆ หรือไม่แต่งหน้าเมื่อเป็นไปได้ เพื่อให้ผิวได้หายใจ ซึ่งเครื่องสำอางชนิดมินิรอลคือสิ่งที่เราอยากแนะนำ เพราะมันจะไม่ทำให้รูขุมขนอุดตัน
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนและใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน เพราะสบู่ที่มีฤทธิ์รุนแรงจะทำให้ผิวแห้งกร้าน
3.เลือกสูบบุหรี่
มีหลายเหตุผลว่าทำไมคุณควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ และหนึ่งในนั้นก็คือ ผิวของเราจะถูกทำลายได้ค่ะ ทั้งนี้การสูบบุหรี่จะทำให้หลอดเลือดในผิวตีบแคบ ส่งผลให้ออกซิเจนและสารอาหารอื่นๆ ถูกลำเลียงไปยังผิวได้น้อยลง ในทางตรงกันข้าม ถ้าเลือดมีการไหลเวียนเพิ่มขึ้น มันก็จะทำให้ผิวดูอวบอิ่มและเปล่งปลั่ง นอกจากนี้การสูบบุหรี่ยังทำให้ริ้วรอยเกิดขึ้นที่รอบดวงตาและริมฝีปากอีกด้วย
4.ออกกำลังกาย
วิธีที่จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวคือ การทำกิจกรรมทางกาย หรือการออกกำลังกายนั่นเอง แม้แต่การออกไปเดินเล่นนอกบ้านโดยทาครีมกันแดดก็จะช่วยกระตุ้นกระบวนการเมทาบอลิซึมวิตามินดี ซึ่งช่วยให้เรามีสุขภาพผิวดี ถ้าเลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น มันก็ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผิวได้รับออกซิเจนมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังช่วยกำจัดสารพิษออกจากผิวอีกด้วย
5.กินอาหารออร์แกนิกและไขมันชนิดดี
การทานอาหารที่เป็นชนิดออร์แกนิก ปลอดจากสารเคมี และผ่านกระบวนการน้อยที่สุด ล้วนแต่ช่วยจำกัดปริมาณของสารพิษที่ร่างกายจะได้รับเข้าไป ทั้งนี้สารซอร์บิทอลที่พบได้ในเบอร์รี องุ่น และสาหร่าย ช่วยให้ผิวกักเก็บความชุ่มชื้น ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยรักษาความยืดหยุ่นให้ผิวหนัง นอกจากนี้กรดไขมันโอเมก้า-3 ซึ่งพบได้ในปลาก็ยังเป็นสารอาหารที่ดีต่อผิวและสุขภาพโดยรวม ถ้าคุณกลัวว่าจะทานปลาได้ไม่มากพอที่จะทำให้เห็นถึงความแตกต่าง การทานโอเมก้า-3 ในรูปแบบของอาหารเสริมก็เป็นทางออกที่ดีค่ะ
6.ทานวิตามินเสริม
หากคุณกลัวว่าจะทานอาหารที่มีวิตามินที่จำเป็นต่อผิวไม่เพียงพอ การทานวิตามินเสริมก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้ค่ะ สำหรับวิตามินที่ช่วยให้สุขภาพผิวดีก็คือ วิตามินเอ วิตามินบี และวิตามินซี
- วิตามินเอ – โดยเฉพาะในรูปแบบของเรตินอล สามารถช่วยฟื้นฟูและปกป้องผิว
- วิตามินบี - ช่วยเพิ่มจำนวนของเม็ดเลือดแดง ซึ่งทำให้เลือดไหลเวียนไปยังผิวและส่วนอื่นๆ เพิ่มขึ้น
- วิตามินซี - มีส่วนช่วยในการผลิตคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนสำคัญที่ช่วยให้ผิวนุ่มและยืดหยุ่น นอกจากนี้วิตามินยังเป็นสารแอนตี้ออกซิเด้นท์ที่ช่วยต่อสู้กับอนุมูลอิสระที่เป็นตัวการทำให้เซลล์ผิวถูกทำลาย
7.ออกกำลังกายใบหน้า
มีการค้นพบว่า การออกกำลังกายใบหน้าและคอบางประเภทสามารถทำให้ผิวที่ขาดความยืดหยุ่นหรือหย่อนคล้อยมีสภาพดีขึ้น เพราะมันช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและทำให้กล้ามเนื้อตึงตัว แม้ว่ามันไม่ได้ช่วยซ่อมแซมอิลาสตินที่เสียหาย แต่มันจะทำให้ผิวให้ภาพรวมดูดีขึ้น ถ้าจะให้ได้ผลดีที่สุด คุณก็ควรออกกำลังกายใบหน้าควบคู่กับทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกาย และหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดด
แม้ว่าผิวของเราจะเหี่ยวย่น หรือเสื่อมสภาพเมื่อเวลาผ่านไป แต่เราก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยยืดอายุให้ผิวได้ค่ะ หากคุณหมั่นทำตามวิธีที่เราแนะนำไปข้างต้น รับรองได้เลยว่าคุณจะมีผิวที่มีสุขภาพดีและเต่งตึงไปอีกนาน
ที่มา: http://www.healthguidance.org/...14915/1/How-to-Improve-Skin-Elasticity.html