ทำไมทุกคนจึงควรกินมะเขือเทศให้มากขึ้น

เรียนรู้ประโยชน์ทางสุขภาพของมะเขือเทศ
เผยแพร่ครั้งแรก 28 ส.ค. 2017 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 3 นาที
ทำไมทุกคนจึงควรกินมะเขือเทศให้มากขึ้น

ฉันอาศัยอยู่ที่นิวเจอร์ซีย์ และหนึ่งในอาหารตามฤดูกาลที่ฉันตั้งตารอมากที่สุดในแต่ละฤดูร้อนคือมะเขือเทศเจอร์ซี่ย์ ไม่เพียงแต่มันจะอร่อย (รัฐของฉันเป็นที่รู้กันว่าปลูกมะเขือเทศบางสายพันธุ์ที่อร่อยที่สุด) มะเขือเทศยังเป็นหนึ่งในอาหารธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบที่สุด

ฉันปลูกมะเขือเทศมากมายทุกฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน เริ่มปลูกในร่มตั้งแต่มีนาคม ฉันแช่แข็งมะเขือเทศที่เรากินไม่หมดทุกสัปดาห์ และทำซอสมะเขือเทศเองเป็นหม้อใหญ่โดยใส่หอมใหญ่ กระเทียม  และโหระพาบางส่วนไปด้วย

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ฉันไม่ได้เอาเปลือกและเมล็ดออก แต่ผสมไปด้วยกันเลย และเหลือมะเขือเทศที่สับหยาบๆไว้บ้างเพื่อให้มีเนื้อสัมผัส ตั้งไฟอ่อน ๆ ทิ้งไว้นาน ๆ เช่น 6-8 ชั่วโมงเพื่อเอาน้ำส่วนเกินออกให้หมด ซึ่งจะทำให้มีรสชาติยอดเยี่ยม ซอสนี้เก็บไว้ได้เป็นสัปดาห์ในตู้เย็นเพราะกรดจากมะเขือเทศเป็นสารกันบูดตามธรรมชาติ แต่ฉันทำไว้มากเสียจนเรามักจะต้องใช้แค่ครึ่งเดียว และแช่แข็งอีกครึ่งเก็บไว้ใช้ในฤดูหนาว

หากคุณปลูกมะเขือเทศเองไม่ได้ คุณสามารถซื้อมะเขือเทศออร์แกนิกปริมาณมากเป็นบุชเชิล (8 แกลลอน) จากไร่ท้องถิ่นเมื่อถึงฤดูกาลและทำซอสเองโดยไม่ใส่น้ำมันและเกลือ หลังจากนั้นคุณสามารถทำน้ำสลัดและน้ำจิ้มจากซอสนี้โดยการผสมน้ำส้มสายชูและเนยที่ทำจากถั่ว

ประโยชน์ด้านการชะลอวัยที่น่าทึ่ง

มะเขือเทศเต็มไปด้วยไลโคปีน ซึ่งเป็นสารแคโรทีนอยด์ (เป็นกลุ่มสารเคมีที่ประกอบไปด้วย phytochemicals มากกว่า 600 ชนิด) ซึ่งช่วยป้องกันความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (oxidative damage) ที่เกิดจากอนุมูลอิสระอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคเรื้อรังและความชรา

ระดับของแคโรทีนอยด์ในร่างกายสามารถเป็นตัวบ่งชี้ที่สำคัญของสุขภาพโดยรวมของคุณ โดยทั่วไปแล้ว ระดับของสารจะเปรียบได้กับระดับของ phytochemical จากพืชที่ไหลเวียนในร่างกาย ซึ่งสารนี้เป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติในพืช และสารอาหารที่ไม่ให้พลังงานนี้มีความสำคัญอย่างมากต่อสุขภาพของคุณ

ที่จริงแล้ว ฉันเชื่อว่าระดับแคโรทีนอยด์นั้นสำคัญมากจนฉันติดตามระดับของมันในคนไข้ของฉันจากการทดสอบกับผิวหนังซึ่งไม่ทำให้เจ็บ เมื่อพวกเขากินอาหารที่มีระดับสารอาหารนี้สูง จากการศึกษาในผู้ใหญ่อเมริกันมากกว่า 13,000 คน พบว่าระดับแคโรทีนอยด์ในเลือดที่ต่ำเป็นตัวบ่งชี้การเสียชีวิตที่เร็วกว่า ระดับแคโรทีนอยด์ อัลฟาแคโรทีน และไลโคปีนในเลือดที่ต่ำกว่ามีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของการเสียชีวิตจากทุกสาเหตุ และเมื่อเทียบกับแคโรทีนอยด์ทุกตัว ระดับไลโคปีนที่ต่ำมากจัดเป็นตัวบ่งชี้การเสียชีวิตที่ชัดเจนที่สุด

อาหารชั้นเลิศ

ตอนนี้คุณจะเห็นแล้วว่าทำไมฉันถึงคิดว่ามะเขือเทศเป็นอาหารชั้นยอด ยิ่งไปกว่านั้น คนที่มีระดับแคโรทีนอยด์ต่ำยังมีความเสี่ยงต่อโรคแพ้ภูมิตนเอง อาการปวดหัว เหนื่อยเพลีย และแน่นอน โรคมะเร็ง ไลโคปีนซึ่งเป็นแคโรทีนอยด์จำเพาะในมะเขือเทศช่วยป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก (ผลการป้องกันของไลโคปีนพบได้มากในระบบสืบพันธุ์ของผู้ชาย) มะเร็งผิวหนัง (ไลโคปีนช่วยป้องกันความเสียหายของผิวจากรังสี UV ในแสงอาทิตย์) และโรคหลอดเลือดหัวใจ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ตัวอย่างเช่น มีการศึกษาแบบสังเกต (observational study) มากมายที่พบความสัมพันธ์ระหว่างระดับไลโคปีนในเลือดที่สูงกว่ากับความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจกำเริบที่น้อยกว่า

การศึกษาในผู้ชายพบว่าระดับไลโคปีนในซีรั่มที่ต่ำมีความสัมพันธ์กับพลาคในหลอดเลือดแคโรติดที่เพิ่มขึ้น และความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจที่เพิ่มขึ้นเป็นสาม ในการศึกษาอื่น ผู้หญิงถูกแบ่งออกเป็นสี่กลุ่มตามระดับของไลโคปีนในเลือด ผู้หญิงที่มีระดับไลโคปีนในเลือดสูงสามอันดับจากสี่อันดับในกลุ่มจะมีโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยกว่าถึง 50% เทียบกับกลุ่มที่มีระดับต่ำที่สุด

การศึกษาวิเคราะห์ในปี 2004 จาก physicians health study data พบว่าความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองลดลงถึง 39% ในผู้ชายที่มีระดับของไลโคปีนในเลือดสูงที่สุด ข้อมูลจากการศึกษาที่ยังทำอยู่ที่ฟินแลนด์ยังสนับสนุนการค้นพบดังกล่าวด้วยผลที่คล้ายกัน

กินอาหารให้หลากหลาย

ประมาณ 85% ของไลโคปีนในอาหารของชาวอเมริกันได้มาจากมะเขือเทศ ไลโคปีนจะถูกดูดซึมได้มากกว่าเมื่อมะเขือเทศถูกปรุงแล้ว ซอสมะเขือเทศหนึ่งถ้วยมีปริมาณไลโคปีนมากกว่ามะเขือเทศสับที่ยังไม่ได้ปรุงหนึ่งถ้วย ดังนั้นควรกินมะเขือเทศให้หลากหลายทั้งแบบปรุงแล้วและยังไม่ปรุงในแต่ละวัน แน่นอนว่าไลโคปีนไม่ใช่สารอาหารที่สำคัญเพียงอย่างเดียวในมะเขือเทศ มะเขือเทศยังมีวิตามินซี อี เบต้าแคโรทีน และสารต้านอนุมูลอิสระฟลาโวนอลในปริมาณมากอีกด้วย

สารต้านอนุมูลอิสระจะให้ผลมากที่สุดเมื่อมีหลายตัวประกอบกัน ปฏิกิริยาระหว่างสารไฟโตเคมิคอลแต่ละตัวจะให้ผลทางสุขภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราไม่สามารทำเลียนแบบได้ในอาหารเสริมชนิดเม็ด เมื่อเทียบกับแคโรทีนอยด์ทั้งหมด ไลโคปีนมีผลในการต้านอนุมูลอิสระมากที่สุด แต่แคโรทีนอยด์หลายตัวจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเพียงตัวเดียว พวกมันทำงานร่วมกัน และฤดูร้อนก็เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับสารอาหารที่จำเป็นเหล่านี้มาก ๆ แคโรทีนอยด์ยังพบได้มากในผักและผลไม้สีเขียวและเหลืองถึงส้ม ดังนั้น กินมะเขือเทศเป็นส่วนหนึ่งของอาหารประเภทพืชผักที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์มากมาย


3 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Tomatoes: Benefits, facts, and research. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/273031)
Tomatoes 101: Nutrition Facts and Health Benefits. Healthline. (https://www.healthline.com/nutrition/foods/tomatoes)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
10 อาหารสุขภาพที่มีวิตามิน E สูง
10 อาหารสุขภาพที่มีวิตามิน E สูง

รวบรวมอาหารเพื่อสุขภาพที่อุดมด้วยวิตามิน E เพื่อจะได้เติมประโยชน์ได้ร่างกายกันได้ง่ายขึ้น

อ่านเพิ่ม