สังกะสี
อ่านข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับสังกะสี คุณทราบหรือไม่ว่าประโยชน์ของแร่ธาตุนี้ดีต่อร่างกายคุณและโรคที่เกิดขึ้นหากคุณขาดสังกะสี รวมถึงแหล่งจากธรรมชาติ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ศัตรู ข้อมูลเกี่ยวกับอาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานมากไป ตลอดจนคำแนะนำที่น่าสนใจต่างๆมากมายสามารถอ่านต่อได้ที่นี่
ข้อเท็จจริง
ผลิตภัณฑ์สำหรับเข่าและกระดูก สูตรเฉพาะ รวมสารสกัดที่ผ่านงานวิจัย คอลลาเจน UC-II ขมิ้นชัน งาดำ และวิตามิน
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- ธาตุสังกะสีหรือซิงค์ทำงานคล้ายเป็นตำรวจจราจร คอยควบคุมให้กระบวนการต่างๆ ในร่างกายดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และยังคอยช่วยซ่อมบำรุงระบบเอนไซม์และเซลล์ต่างๆ อีกด้วย
- มีความสำคัญต่อการสร้างโปรตีนและคอลลาเจน
- ควบคุมการหดตัวของกล้ามเนื้อ
- ช่วยในการสร้างฮอร์โมนอินซูลิน
- เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์สำคัญมากมาย รวมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระอย่างซูเปอร์ออกไซด์ดิสมิวเทส (เอสโอดี)
- มีความสำคัญต่อความเสถียรของเลือด (ช่วยให้ความเข้มข้นของวิตามินอีในเลือดอยู่ในระดับที่เหมาะสม) และช่วยควบคุมสมดุลกรดและด่างภายในร่างกาย
- ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้เป็นปกติ และมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโตของอวัยวะสืบพันธุ์
- ในการศึกษาวิจัยบางแห่งพบว่า สังกะสีมีส่วนสำคัญต่อการทำงานของสมอง และช่วยในการรักษาโรคจิตเภท
- มีหลักฐานชี้ชัดว่า สังกะสีจำเป็นต่อการสร้างดีเอ็นเอ
- ขนาดที่แนะนำให้รับประทานต่อวันคือ 12-15 มก. สำหรับผู้ใหญ่ (หญิงให้นมบุตรขนาดจะสูงขึ้นเล็กน้อย)
- หากมีเหงื่อออกมากเกินไป อาจทำให้สูญเสียสังกะสีได้ถึง 3 มก.ต่อวัน
- สังกะสีในอาหารส่วนใหญ่ถูกทำลายไปในกระบวนการแปรรูปอาหาร หรืออาจมีในปริมาณที่น้อยมากตั้งแต่แรกถ้าพืชผักนั้นปลูกบนดินที่ไม่มีแร่ธาตุ
แร่ธาตุนี้ดีต่อร่างกายคุณอย่างไร
- เร่งให้แผลทั้งภายในและภายนอกหายเร็วขึ้น
- กำจัดจุดขาวบนเล็บมือ
- ช่วยการรับรู้รสอาหาร
- ช่วยรักษาภาวะมีบุตรยาก
- ช่วยป้องกันปัญหาต่อมลูกหมาก
- เสริมสร้างการเจริญเติบโตและความตื่นตัวทางจิตและสมอง
- ช่วยลดการสะสมของคอเลสเตอรอล
- ช่วยในการรักษาโรคทางจิต
- ช่วยลดระยะเวลาเจ็บป่วยและความรุนแรงของโรคหวัด
โรคจากการขาดแร่ธาตุ
อาจทำให้ต่อมลูกหมากโต (ต่อมลูกหมากโตโดยที่ไม่ได้เกิดจากมะเร็ง) ผนังหลอดเลือดแดงแข็ง อวัยวะสืบพันธุ์ไม่เจริญเต็มที่
แหล่งจากธรรมชาติที่ดีที่สุด
เนื้อสัตว์ ตับ อาหารทะเล (โดยเฉพาะหอยนางรม) จมูกข้าวสาลี บริเวอร์ ยีสต์ เมล็ดฟักทอง ไข่ นมผงแบบปราศจากไขมัน มัสตาร์ดแบบแห้ง
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร
- มีผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์วิตามินรวมและแร่ธาตุรวมคุณภาพสูงทั้งหมด
- อาจหาซื้อได้ในรูปของซิงค์ซัลเฟต ซิงค์กลูโคเนต หรือซิงค์พิโคลิเนตในขนาด 15-50 มก.ของแร่ธาตุสังกะสี ซิงค์ซัลเฟตและซิงค์กลูโคเนตมีประสิทธิภาพดีเท่าๆ กัน แต่ซิงค์กลูโคเนตจะรับประทานได้ง่ายกว่า
- ไกลซิเนตซิงค์ซิเทรตเป็นสังกะสีในรูปผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ดีที่สุด
- สังกะสียังมีในแบบรวมกับวิตามินซี แมกนีเซียม และวิตามินบีรวมด้วย
- สำหรับสังกะสีแบบลูกอมแก้หวัด คุณต้องปล่อยให้เม็ดอมละลายในปาก มิเช่นนั้นแล้วจะไม่มีประสิทธิภาพ
อาการเป็นพิษและสัญญาณเตือนว่ารับประทานมากไป
หากรับประทานปริมาณมากเกินไปอาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารแปรปรวน ระบบภูมิคุ้มกันทำงานได้ไม่ดี และขาดธาตุทองแดงได้ ขนาดมากกว่า 1,000 มก.ขึ้นไปทำให้เกิดอาการเป็นพิษต่อร่างกายได้
ศัตรู
ไฟเทต ซึ่งเป็นสารที่พบในเมล็ดธัญพืชและถั่ว จะจับกับสังกะสี ส่งผลให้ร่างกายดูดซึมสังกะสีไม่ได้
คำแนะนำส่วนตัว
- คุณต้องการสังกะสีเพิ่มขึ้น หากคุณรับประทานวิตามินบี 6 ปริมาณสูง และเช่นกัน หากคุณดื่มสุราเป็นประจำหรือเป็นเบาหวาน
- ทั้งผู้ชายที่มีปัญหาและไม่มีปัญหาด้านต่อมลูกหมากต่างก็ควรดูแลระดับสังกะสีในเลือดให้ดี
- ผมได้เห็นผู้ที่ประสบความสำเร็จในการรักษาอาหารเสื่อมสมรรถภาพทางเพศจากการรับประทานบี 6 และสังกะสีเสริม
- คนสูงอายุที่กังวลกับเรื่องความชรา อาจพบว่าการรับประทานสังกะสีและแมงกานีสเสริมมีคุณประโยชน์
- หากคุณรำคาญกับอาการประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ คุณอาจลองเสริมแร่ธาตุสังกะสี ก่อนจะข้ามไปรักษาด้วยฮอร์โมน เพื่อให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ
- ระดับสังกะสีในร่างกายอาจต่ำได้ หากคุณมีอาการท้องร่วงหรือรับประทานใยอาหารในปริมาณสูง
- จำไว้ว่า หากคุณเพิ่มสังกะสีในอาหาร ร่างกายคุณจะต้องการวิตามินเอเพิ่มขึ้น (สังกะสีทำงานร่วมกับวิตามินเอ แคลเซียม และฟอสฟอรัสได้ดีที่สุด)
- หากคุณกำลังรับประทานทั้งธาตุเหล็กและสังกะสีเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ควรรับประทานแยกเวลากัน เนื่องจากมันอาจขัดขวางการทำงานกันเองได้
ข้อควรระวัง: ถึงแม้ว่าสังกะสีจะเป็นตัวกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แต่หากรับประทานเกินกว่า 150 มก.ต่อวัน อาจขัดขวางการตอบสนองของภูมิคุ้มกันได้
หากคุณเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์และอยากอ่านเกี่ยวกับหัวข้อนี้เพิ่มเติม สามารถสนับสนุน ดร.เอิร์ล มินเดลล์ (ผู้แต่ง) พญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (แปล) ได้โดยการซื้อหนังสือวิตามินไบเบิล