การติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary tract infections - UTI) เป็นภาวะติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ ไต และท่อที่เชื่อมอวัยวะข้างต้นที่เกิดขึ้นบ่อย
ไม่ว่าใครก็สามารถประสบกับภาวะติดเชื้อนี้ได้ แต่มักจะพบได้บ่อยกับผู้หญิง โดยผู้หญิงบางคนอาจประสบกับภาวะติดเชื้อเช่นนี้ซ้ำซากได้ UTI ทำให้รู้สึกเจ็บปวดและไม่สบายเนื้อสบายตัว แต่ก็มักจะหายไปหลังการใช้ยาปฏิชีวนะไม่กี่วัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการของภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
การติดเชื้อที่กระเพาะปัสสาวะ (cystitis) หรือท่อปัสสาวะ (urethra) (ท่อที่ใช้ลำเลียงปัสสาวะออกจากร่างกาย) จะเรียกว่าเป็น UTI ส่วนล่าง/ตอนปลาย ซึ่งทำให้เกิดอาการ:
- ปวดปัสสาวะบ่อยกว่าปรกติ
- ความเจ็บปวดหรือไม่สบายตัวขณะปัสสาวะ
- เกิดความอยากปัสสาวะกะทันหัน
- รู้สึกว่าไม่สามารถถ่ายปัสสาวะให้หมดกระเพาะได้
- เจ็บปวดที่ท้องน้อย
- ปัสสาวะมีสีขุ่น กลิ่นแรง หรือมีเลือดปน
- รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว คัน และเหน็ดเหนื่อย
ภาวะติดเชื้อที่ไตหรือหลอดไต (ureters) (ท่อที่เชื่อมไตเข้ากับกระเพาะปัสสาวะ) จะเรียกว่า UTI ส่วนบน/ตอนต้น ซึ่งทำให้เกิดอาการ:
- มีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียส
- เจ็บปวดที่สีข้างหรือแผ่นหลัง
- หนาวสั่น
- สับสน
- รู้สึกคลื่นไส้
- กระสับกระส่าย
UTI ส่วนปลายจะเกิดขึ้นได้บ่อยและมักไม่ทำให้เกิดปัญหาร้ายแรงอะไร ส่วน UTI ตอนต้นจะมีความร้ายแรงมากกว่าหากไม่ทำการรักษา เพราะการติดเชื้อสามารถทำลายไตหรือแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือดได้
ควรไปพบแพทย์เมื่อไร?
ควรไปพบแพทย์ทันทีที่คุณคาดว่าตนเองประสบกับ UTI โดยเฉพาะหากว่า:
- คุณมีอาการของการติดเชื้อส่วนบน
- มีอาการรุนแรงหรือทรุดลงเรื่อย ๆ
- อาการไม่ดีขึ้นหลังจากผ่านไปสองถึงสามวัน
- คุณประสบกับ UTI บ่อยครั้ง
แพทย์จะทำการตรวจหาภาวะอื่น ๆ ที่ทำให้มีอาการคล้ายกันด้วยการตรวจปัสสาวะและจ่ายยาปฏิชีวนะแก่คุณเพื่อรักษาภาวะติดเชื้อ
ยาปฏิชีวนะมักจะแนะนำกับ UTI ที่สุด เพราะหากไม่ทำการรักษา UTI จะทำให้เกิดปัญหาอื่น ๆ ตามมาหากเชื้อลุกลามมากขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การรักษาภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
UTI มักรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะคอร์สสั้น ผู้หญิงที่ป่วยส่วนมากจะถูกกำหนดให้ยาปฏิชีวนะชนิดเม็ดหรือแคปซูลนานสามวัน ส่วนผู้ชาย ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้ที่มีอาการรุนแรงอาจต้องใช้ยาปฏิชีวนะนานกว่านั้น
อาการของคุณควรจะดีขึ้นหลังใช้ยาไปแล้วสามถึงห้าวัน ซึ่งคุณต้องใช้ยาให้ครบตามที่แพทย์กำหนดแม้จะมีอาการดีขึ้นแล้วก็ตาม
คุณสามารถทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาอย่างพาราเซตตามอลก็ช่วยบรรเทาอาการปวดได้ และการดื่มน้ำมาก ๆ ก็ช่วยทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้เช่นกัน
ควรกลับไปพบแพทย์เมื่ออาการต่าง ๆ ไม่ดีขึ้น ทรุดลง หรือกลับมาเป็นซ้ำ ๆ หลังจากเริ่มการรักษาไปแล้ว
สาเหตุของภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
UTI เกิดขึ้นเมื่อระบบทางเดินปัสสาวะของคุณติดเชื้อ มักจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย กรณีส่วนมากแล้วเชื้อแบคทีเรียจะมาจากลำไส้และเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะผ่านทางท่อปัสสาวะ ซึ่งมักเกิดจากการเช็ดทวารหนักหรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็มีบ่อยครั้งที่แพทย์ไม่พบสาเหตุของการติดเชื้อเช่นกัน
ข้อมูลต่อไปนี้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการประสบกับ UTI:
- ภาวะที่มีสิ่งอุดกั้นระบบทางเดินปัสสาวะ เช่นนิ่วไต
- ภาวะที่ไม่สามารถถ่ายปัสสาวะได้หมดกระเพาะปัสสาวะ
- การใช้ฝาครอบปากมดลูก (diaphragm) ในการคุมกำเนิด หรือถุงยางที่มีสารฆ่าน้ำเชื้อ
- ภาวะเบาหวาน
- ระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ เช่นจากการทำเคมีบำบัด หรือ HIV
- การใช้สายสวนท่อปัสสาวะ
- ภาวะต่อมลูกหมากโต
ผู้หญิงอาจประสบกับ UTI บ่อยกว่าผู้ชายเนื่องจากมีท่อปัสสาวะสั้นและอยู่ใกล้กับทวารหนักมากกว่าผู้ชาย
การป้องกันภาวะติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ
หากคุณประสบกับ UTI มีหลายสิ่งที่คุณสามารถทดลองเพื่อหยุดการกลับมาของโรคได้ อย่างไรก็ตามก็ยังไม่มีหลักฐานว่าข้อปฏิบัติเหล่านี้มีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงไหน:
- เลี่ยงใช้สบู่อาบน้ำผสมน้ำหอม สบู่ หรือแป้งฝุ่นรอบอวัยวะเพศ: ควรใช้สารทำความสะอาดร่างกายที่ไม่ผสมน้ำหอม และควรใช้วิธีอาบน้ำฝักบัวแทนการแช่น้ำ
- เข้าห้องน้ำทันทีที่ปวดปัสสาวะ และพยายามถ่ายให้หมดจริง ๆ
- ดื่มน้ำมาก ๆ
- เช็ดทวารหนักจากหน้าไปข้างหลังหลังขับถ่าย
- ถ่ายกระเพาะปัสสาวะให้หมดหลังจากมีเพศสัมพันธ์
- ไม่ใช่ฝาครอบปากมดลูกหรือถุงยางที่มีสารฆ่าน้ำเชื้อในการคุมกำเนิด: ควรเปลี่ยนไปใช้วิธีคุมกำเนิดอื่นแทน
- สวมกางเกงชั้นในที่ทอจากผ้าไหม แทนใยสังเคราะห์อย่างไนลอน และเลี่ยงการใส่กางเกงที่แน่นเกินไป
- ควรไปปรึกษาแพทย์หากว่าข้อปฏิบัติข้างต้นไม่ได้ผล แพทย์จะทำการแนะนำวิธีรักษาด้วยยาปฏิชีวนะระยะยาว หรือจ่ายยาปฏิชีวนะให้คุณใช้ทันทีที่เริ่มมีอาการจากภาวะ UTI
- ณ ปัจจุบันยังมีหลักฐานว่าการดื่มน้ำแครนเบอร์รี่หรือทาน probiotics จะช่วยลดโอกาสการติด UTI ได้อยู่น้อยมาก