โรคอัลไซเมอร์เป็นโรคที่พัฒนาช้า ๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และยังไม่มีการรักษาให้หายขาด การวางแผนการดูแลรักษาจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ผู้ป่วยมีชีวิตอย่างอิสระ และสะดวกสบายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในปัจจุบัน ยังไม่มีการรักษาโรคอัลไซเมอร์ที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะสามารถใช้ยาเพื่อช่วยลดอาการบางอย่าง หรือชะลอการพัฒนาของโรคในผู้ป่วยบางคนได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
นอกจากนี้ การสนับสนุนและการช่วยเหลือก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อช่วยให้ผู้ป่วยโรคดังกล่าวสามารถรับมือกับชีวิตประจำวันตามปกติได้
แผนการดูแลรักษา
หากคุณได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์ เป็นการดีสำหรับคุณหากคุณได้รับการประเมินความต้องการด้านการดูแลสุขภาพและด้านสังคมสงเคราะห์ และนำปัจจัยต่าง ๆ มาวางแผนสำหรับอนาคต
แผนการดูแลรักษาที่สร้างขึ้น จะช่วยสร้างความมั่นใจว่าคุณจะได้รับการรักษาที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ แผนนี้จะครอบคลุมไปถึงเรื่องที่คุณอาจต้องได้รับความช่วยเหลือ เช่น:
- สิ่งใดที่ช่วยสนับสนุนคุณ หรือสิ่งใดที่ผู้ดูแลของคุณต้องการเพื่อให้คุณยังใช้ชีวิตแบบไม่ต้องพึ่งพาใครให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- การเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในแบบแผน หรือการจัดวางในบ้านของคุณเพื่อให้ง่ายต่อการอยู่อาศัย
- ความช่วยเหลือทางการเงินใด ๆ ที่คุณอาจต้องการ
โดยปกติแล้ว บุคลากรวิทยาศาสตร์สุขภาพ (เช่น แพทย์ประจำตัวหรือจิตแพทย์ของคุณ) และองค์กรดูแลทางสังคมสงเคราะห์จะมีส่วนร่วมในการช่วยวางแผนและดูแลแผนการดูแลรักษาดังกล่าวด้วย
การรักษาด้วยยา
มียาหลายชนิดที่ถูกสั่งสำหรับการรักษาโรคอัลไซเมอร์เพื่อช่วยให้อาการเหล่านี้ดีขึ้นชั่วคราว และช่วยชะลอการลุกลามของโรคไม่ให้รุนแรงมากขึ้น
ยา Donepezil ยา Galantamine และยา Rivastigmine ซึ่งเป็นกลุ่มยาที่ทำหน้าที่ยับยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase ในสมอง (Ache inhibitors) อาจถูกนำมาใช้ในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ได้ ตั้งแต่เริ่มเป็นโรคในระยะแรกจนถึงระยะปานกลาง หรืออาจจะมีการสั่งยา Memantine สำหรับคนที่เป็นโรคในระยะปานกลางซึ่งไม่สามารถใช้ยากลุ่มก่อนหน้าทั้งสามตัว หรือใช้ในผู้ป่วยโรคระยะสุดท้าย
ขนมปัง "ไร้แป้ง ไร้น้ำตาล อิ่มนาน ไปรตีนสูง" อยากคุมน้ำหนัก แบบไม่อด ต้องลอง พร้อมโปร 5 ฟรี 1
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ไม่มีความแตกต่างกันของประสิทธิภาพยาในการรักษาโรคอัลไซเมอร์ระหว่างยาสามตัวที่ได้กล่าวไปข้างต้น แม้ว่าอาจมีบางคนตอบสนองตัวยาบางตัวได้ดีกว่า หรือมีผลข้างเคียงกับยาตัวนั้นน้อยกว่าตัวอื่นๆ ก็เป็นได้
ยาเหล่านี้ทั้งหมดสามารถสั่งจ่ายได้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เช่น จิตแพทย์ แพทย์ประสาทวิทยา และ แพทย์เชี่ยวชาญผู้สูงอายุ
หากคุณกำลังดูแลผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์อยู่ มุมมองและความคิดเห็นของคุณจะมีผลต่อการสั่งยา ซึ่งอาจจะได้มาจากการเฝ้าประเมินผู้ป่วยประจำวันด้วยตัวคุณเอง การประเมินเหล่านี้เป็นข้อมูลที่จำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่ายาที่สั่งจ่ายไปมีประสิทธิภาพคุ้มค่า และสามารถตรวจสอบและเฝ้าระวังผลข้างเคียงหากว่ามี
ผลข้างเคียงของยา
ทั้งยา Donepezil Galantamine และ Rivastigmine นั้นสามารถทำให้เกิดผลข้างเคียงต่าง ๆ เช่น:
- รู้สึกไม่สบาย หรือป่วย
- วิงเวียนศีรษะ
- ท้องร่วง
- ปวดหัว
- กระสับกระส่าย
- นอนไม่หลับ
- ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ
- อาการที่พบได้น้อย คือ หัวใจเต้นช้าลง - ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาได้หากคุณมีปัญหาเกี่ยวกับจังหวะการเต้นของหัวใจอยู่แล้ว
ผลข้างเคียงเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นในช่วงแรกของการรักษา หรือเมื่อปรับปริมาณยาให้เพิ่มขึ้น แพทย์ของคุณจะตรวจสอบประวัติทางการแพทย์ และประวัติการใช้ยาอื่น ๆ ของคุณเพื่อตรวจสอบถึงความเหมาะสมของปริมาณยา และความเสี่ยงที่จะเกิดปฏิกิริยาต่อยาที่ทานอยู่
ผลข้างเคียงที่พบบ่อยของยา Memantine ได้แก่ :
ขนมปัง "ไร้แป้ง ไร้น้ำตาล อิ่มนาน ไปรตีนสูง" อยากคุมน้ำหนัก แบบไม่อด ต้องลอง พร้อมโปร 5 ฟรี 1
ซื้อผ่าน HD ประหยัดกว่า / ราคาพิเศษสำหรับ นศ. / ผ่อน 0% / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
- วิงเวียนศีรษะ
- ปวดหัว
- ความดันโลหิตสูงขึ้น
- เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า
- ท้องผูก
- หายใจหอบเหนื่อย
- อาการที่พบได้น้อย ได้แก่ ปัญหาการเดิน หรือสับสนมึนงง
- อาการที่พบได้น้อยมาก ได้แก่ อาการชัก
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เป็นไปได้ของยาของคุณ ให้อ่านที่ฉลากยาที่แนบมากับตัวยาที่ใช้ หรือปรึกษาพูดคุยกับแพทย์หรือเภสัชกรของคุณ
การดูแลและการรักษาประคับประคอง
นอกเหนือจากการใช้ยาแล้ว การรักษาโรคอัลไซเมอร์ยังมีมาตรการการดูแลอื่น ๆ อีกมากมายและการรักษาอื่น ๆ ที่สามารถทำได้เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมที่มีชีวิตอยู่อย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ตัวอย่างเช่น นักกิจกรรมบำบัดสามารถระบุปัญหาหรือพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัยในชีวิตประจำวันของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ และช่วยแนะนำแนวทางแก้ไข หรือใช้เครื่องมือต่าง ๆ ในการจัดการปัญหาเหล่านี้ พวกเขาอาจให้คำแนะนำต่าง ๆ ดังนี้:
- วิธีการกระตุ้นความจำ และเตือนถึงงานที่สำคัญ เช่น การใช้ไดอารี่หรือตารางปฏิทิน
- การใช้เทคโนโลยีเพื่อช่วยเหลือ - อุปกรณ์หรือระบบที่ถูกพัฒนามาเพื่อช่วยรักษาความเป็นอิสระ และความปลอดภัยของผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม
- เพิ่มราวจับรอบบริเวณบ้านของคุณ เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเคลื่อนที่ไปตามจุดต่าง ๆ ได้อย่างปลอดภัย
- อาจมีการเยี่ยมผู้ป่วยที่บ้านโดยบุคลากรเฉพาะทาง และช่วยดูแลแนวทางการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อรักษาความเป็นอิสระของคุณในภาคชุมชน
- การบำบัดทางจิตวิทยา เช่น การบำบัดด้วยการกระตุ้นการรู้คิด (cognitive stimulation therapy) อาจถูกนำมาใช้เพื่อช่วยสนับสนุนเรื่องความจำ ทักษะการแก้ปัญหา และความสามารถทางภาษาของคุณ
การบำบัดด้วยยา การบำบัดทางจิตวิทยาอื่น ๆ เช่น การบําบัดทางความคิดและพฤติกรรม (Cognitive Behavioral Therapy: CBT) การบำบัดด้วยดนตรีและศิลปะ (Music-Art Therapy) การบำบัดด้วยความทรงจำ (reminiscence therapy) และการบำบัดผ่อนคลายเหล่านี้อาจถูกนำมาใช้ เพื่อช่วยในการจัดการกับภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความตื่นตระหนก การเกิดภาพหลอน ความหลงผิด และพฤติกรรมก้าวร้าวที่อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
เคล็ดลับการปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์
หากคุณเป็นโรคอัลไซเมอร์ คุณอาจจะได้ประโยชน์จากข้อแนะนำดังต่อไปนี้:
- เก็บบันทึกประจำวันติดตัวอยู่เสมอ และเขียนสิ่งที่คุณต้องการจดจำลงไป
- ติดตารางงานประจำสัปดาห์ไว้บนผนังให้เห็นชัด
- เก็บพวงกุญแจของคุณในบริเวณที่มองเห็นชัด เช่น ในถ้วยใบใหญ่กลางโต๊ะในห้องนั่งเล่น
- ส่งหนังสือพิมพ์มาที่บ้านทุกวัน เพื่อคอยแจ้งคุณเกี่ยวกับวันเวลาปัจจุบัน
- บันทึกเบอร์ที่สำคัญในโทรศัพท์
- ติดป้ายชื่อตามลิ้นชัก และตู้ว่ามีอะไรด้านในบ้าง
- เขียนเตือนความจำให้กับตนเอง เช่น ติดโน้ตที่หน้าประตูบ้านว่าอย่าลืมกุญแจก่อนออกจากบ้าน
- จด หรือบันทึกชื่อและเบอร์โทรศัพท์ของคนอื่น ๆ ไว้ในโทรศัพท์
- ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ตัวตรวจจับควัน หรือตัวตรวจจับแก๊สรั่วรอบ ๆ บ้าน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
นอกจากนี้ ยังเป็นการดีหากคุณไปเข้าร่วมกลุ่มผู้ป่วยอัลไซเมอร์ด้วยกันตามโรงพยาบาล หรือศูนย์บำบัดใกล้บ้าน เพื่อหาข้อมูลและแลกเปลี่ยนคำแนะนำต่าง ๆ ในชีวิตประจำวันทั้งในกรณีที่คุณเป็นผู้ป่วย หรือผู้ดูแลก็ตาม
การวางแผนการดูแลขั้นสูง
ผู้ป่วยภาวะสมองเสื่อมมักจะมีชีวิตอยู่ได้เป็นเวลาหลายปีหลังจากได้รับการวินิจฉัย อย่างไรก็ตาม โรคดังกล่าวมีการพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป จึงอาจเป็นประโยชน์และสร้างความมั่นใจให้กับทั้งคุณและครอบครัว หากคุณวางแผนต่าง ๆ ที่จะทำในอนาคตไว้ก่อนล่วงหน้า
การวางแผนการดูแลขั้นสูง นั้นหมายถึง การพิจารณา การพูดคุยอภิปราย และการบันทึกความปรารถนาและการตัดสินใจต่าง ๆ ของคุณสำหรับการดูแลผู้ป่วยหรือตัวคุณเองในอนาคต นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงการวางแผนสำหรับช่วงเวลาที่คุณอาจไม่สามารถทำการตัดสินใจบางอย่างด้วยตัวเองได้
ในระยะแรก ๆ ของโรคซึ่งยังมีอาการไม่รุนแรงนัก คุณควรมีโอกาสได้พูดคุยกับบุคลากรทางการแพทย์ และครอบครัวของคุณเกี่ยวกับเรื่องอนาคต ซึ่งอาจครอบคลุมไปถึงเรื่องดังนี้:
- งบการเงินที่จะใช้ในอนาคต
- การตัดสินใจหากจะปฏิเสธการรักษาในอนาคต
- การมอบอำนาจต่าง ๆ ทางกฎหมาย
- ลำดับความสำคัญที่ต้องการสำหรับการดูแลรักษาที่จะเกิดขึ้น
การดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง
แม้ว่าแนวโน้มของโรคจะแปรผันกันไปในแต่ละบุคคล ภาวะสมองเสื่อมเป็นความเจ็บป่วยที่เป็นอันตรายถึงชีวิต และอาจส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายมากมายในระยะหลัง ๆ ของโรค
การดูแลช่วงสุดท้ายของชีวิต หรือการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบประคับประคอง หมายถึง การสนับสนุนหรือการดูแลต่าง ๆ ให้กับผู้ที่มีความเจ็บป่วยที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ เพื่อให้พวกเขาสามารถมีชีวิตอยู่ได้อย่างสะดวกสบายเท่าที่จะเป็นไปได้จนกว่าจะถึงแก่ชีวิต นอกจากนี้ การดูแลประคับประคองยังรวมไปถึงการให้การสนับสนุนแก่สมาชิกในครอบครัว การดูแลแบบประคับประคองนี้อาจเกิดขึ้นได้ที่ที่บ้าน สถานพยาบาลผู้ป่วยระยะสุดท้าย บ้านพักคนชรา หรือโรงพยาบาล
สำหรับผู้ป่วยที่ใกล้ถึงจุดจบของชีวิต ทีมผู้ดูแลควรประเมินความต้องการทางกายต่าง ๆ ของพวกเขาเพื่อทำให้ผู้ป่วยรู้สึกสะดวกสบายมากที่สุด และลาจากโลกนี้ไปอย่างสมศักดิ์ศรีในสถานที่ที่ผู้ป่วยต้องการ