ฟันน้ำนม คือ ฟันชุดแรกของชีวิตมีทั้งหมด 20 ซี่ ฟันน้ำนมซี่แรกจะขึ้นเมื่อมีอายุได้ประมาณ 6 เดือน และทยอยงอกขึ้นมาเรื่อยๆ จนครบ 20 ซี่ ภายในอายุ 2 ปีครึ่ง อย่างไรก็ดี จริงๆ แล้วร่างกายเริ่มสร้างหน่อฟันน้ำนมขึ้นตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ ช่วงอายุครรภ์เดือนที่ 6 และค่อยๆ เสริมสร้างแคลเซียมและฟอสฟอรัสทำให้มีความแข็งแรงขึ้นจนฟันน้ำนมมีรูปร่างสมบูรณ์พร้อมอวดโฉมเมื่อเด็กอายุได้ 6 เดือนนั่นเอง อย่างที่บอกว่า ฟันน้ำนมคือฟันชุดแรก ดังนั้นเมื่ออายุราว 6 ปี ฟันน้ำนมก็จะเริ่มปลดระวาง ทยอยหลุดออกไปเพื่อหลีกทางให้ฟันแท้นั่นเอง แต่กว่าที่ฟันน้ำนมจะหลุด เด็กๆ ก็มักประสบปัญหายอดฮิตอย่าง "ฟันผุ" กันถ้วนหน้า
ฟันน้ำนมไม่ต่างกับฟันแท้ต้องดูแลให้ถูกต้องและเหมาะสม เนื่องจากฟันน้ำนมเป็นตัวแปรสำคัญที่ช่วยพัฒนาการการรับประทานอาหารและการเจริญเติบโตของกรามของเด็กเล็ก และยังช่วยในการออกเสียงให้ชัดเจน ซึ่งการจากไปของฟันน้ำนมก่อนเวลาอันควรจะส่งผลที่ไม่ดีต่อฟันแท้เช่นเดียวกัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ทำอย่างไร ถ้าไม่อยากให้บุตรหลานของคุณประสบปัญหายอดฮิตอย่างฟันน้ำนมผุบ้าง เรามีคำตอบ
ปัจจัยที่ทำให้ฟันผุ
หลายคนคงคิดว่า เด็กเล็กๆ จำเป็นต้องไปหาหมอฟันด้วยหรือ ไว้โตกว่านีัก่อนไหมค่อยไป แต่คุณทราบหรือไม่ว่า แนวทางการดูแลทารกแรกเกิดที่เหมาะสมนั้นต้องครอบคลุมไปถึงการดูแลฟันพวกเขา ซึ่งการดูแลสุขภาพฟันของเด็กแรกเกิดจะเริ่มขึ้นทันทีที่ฟันซี่แรกของพวกเขาโผล่ออกมา มาดูกันว่า ฟันผุเกิดจากอะไรได้บ้าง
- โครงสร้างฟันไม่สมบูรณ์
- คลอดก่อนกำหนด
- แม่ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์
- ประวัติทันตกรรมของพ่อแม่
- วิธีการป้อนอาหารให้เด็กเล็กอย่างผิดวิธี เช่น ให้เด็กเล็กถือขวดนม หรืออาหารไปนอนพร้อมกัน
- การรับประทานขนมที่มีน้ำตาลมากแล้วไม่แปรงฟัน
- การแปรงฟันอย่างผิดวิธี หรือแปรงฟันไม่สะอาด
ฟันผุเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ด้วยความที่เคลือบฟันน้ำนมมีความหนาเพียงครึ่งหนึ่งของฟันแท้เท่านั้นจึงผุได้ง่ายมาก นับตั้งแต่เด็กเริ่มมีฟันขึ้นก็เริ่มมีขี้ฟันในช่องปาก หากไม่ได้ทำความสะอาดขี้ฟันก็จะสะสมไปเรื่อยๆ นอกจากนี้เมื่อเริ่มกินอาหาร แบคทีเรียในช่องปากจะทำการหมักเศษอาหารที่คงเหลือบนพื้นผิวของฟันให้กลายเป็นกรดซึ่งตัวกรดดังกล่าวจะไปกัดชั้นเคลือบฟันออก ทั้งนี้การรับประทานอาหารหวาน หรืออาหารที่มีความเหนียว การรับประทานขนมบ่อย และอื่น ๆ นั้นจะเร่งปฏิกิริยาดังกล่าว เมื่อเคลือบฟันถูกทำลายจนหมดมันจะกัดตัวฟันจนทำให้เกิดโพรงบนฟันขึ้นในที่สุด
สัญญาณของอาการฟันผุ
ฟันผุส่วนมากมักจะไม่ก่อความเจ็บปวด แต่สัญญาณแรกคือ เมื่อเช็ดฟันให้แห้งจะพบรอยโรคสีขาวขุ่นเป็นจุดๆ ที่ฟัน หรือหลุมร่องฟัน ระยะต่อมาฟันจะผุมากขึ้นจนมีโพรงขึ้นมาบนพื้นผิวด้านบนหรือด้านข้างของซี่ฟัน เด็กจะเริ่มมีอาการเสียวฟัน ปวดฟันเวลามีเศษอาหารเข้าไปติด หากปล่อยละเลยนานเข้าจะก่อให้เกิดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ในช่องปากของเด็ก ระยะสุดท้าย เด็กจะมีอาการปวดฟันปวดประสาทฟันจนไม่อยากรับประทานอาหาร เพราะเคี้ยงลำบาก ทำให้เด็กมีโอกาสขาดสารอาหารที่จำเป็นได้ นอกจากฟันผุแล้ว บางรายยังอาจมีเหงือกอักเสบร่วมด้วย
แนวทางการรักษาฟันน้ำนมผุ
ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการผุกร่อนและระยะเวลาที่คาดการณ์การมีอยู่ของฟันน้ำนม ตามปกติแล้ววิธีการอุดฟันจะมีเพื่อเสริมเติมโครงสร้างของซี่ฟันที่หายไป แต่สำหรับเหตุผลอื่น ๆ นั้นจะมีดังนี้:
- หากพบฟันผุเร็ว และไม่จำเป็นต้องอุดฟัน ทันตแพทย์จะทำความสะอาดฟันและทำการเคลือบฟลูออไรด์เพื่อยับยั้งการผุ แต่กรณีที่ฟันเกิดเป็นโพรงขึ้นมาแล้วก็จำเป็นต้องอุดฟันด้วยวัสดุที่เหมาะสม หากฟันผุจนโครงสร้างฟันเหลือไม่มาก ทันตแพทย์จะใช้วิธีการครอบฟันแทน
- หากการติดเชื้อกินไปถึงชั้นเนื้อฟัน หรือไปจนถึงชั้นประสาท ทันตแพทย์จะทำการรักษารากฟันเพื่อป้องกันการสูญเสียฟันก่อน โดยรากฟันที่เสียหายนี้จะไม่แข็งแรงจึงต้องใช้ที่ครอบฟันป้องกันฟันซี่ไว้
- หากระดับการติดเชื้อรุนแรงมาก และสภาพของฟันไม่ดีแล้ว ต้องถอนฟันออก และจะมีการใช้เครื่องมือป้องกันฟันล้มเพื่อให้ฟันแท้ขึ้นมาอย่างเหมาะสม
จำเป็นต้องได้รับยาชาหรือไม่?
ทันตแพทย์จะทำทุกวิถีทางให้เด็กรู้สึกผ่อนคลายที่สุดระหว่างการรักษาฟัน ดังนั้นจึงมีการใช้ยาชาในบางกรณีเพื่อให้เด็กไม่เจ็บปวดระหว่างการรักษา หากเด็กยังคงเครียดและกังวลอยู่ บางแห่งจะมีการใช้ไนตรัสออกไซด์ หรือแก๊สหัวเราะกับเด็กช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย สำหรับเด็กเล็กและเด็กที่ต้องการการดูแลทางสุขภาพเป็นพิเศษจะมีการใช้วิธีกดประสาทแบบที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุดและพอเหมาะเพื่อลดความวิตกกังวลและช่วยให้เด็กๆ ให้ร่วมมือมากขึ้น
การใช้ยาระงับความรู้สึกทั่วไป (GA) นั้น จะทำโดยผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งแนะนำให้ใช้รองรับสถานการณ์ต่อไปนี้เท่านั้น:
- เด็กที่มีความกังวลรุนแรง
- การรักษาฟันที่ยืดเยื้อและมีหลายขั้นตอน
- เด็กที่มีความบกพร่องทางร่างกาย/สติปัญญา
คำแนะนำในการป้องกันปัญหาฟันน้ำนมผุ
- ฝึกไม่ให้เด็กรับประทานขนมหวานจุบจิบ ลูกอม
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารนอกเวลาในช่วงกลางคืน ดังนั้นหลังจากที่แปรงฟันเสร็จแล้ว ให้พาเด็กเข้านอนเลย
- เมื่อมีอายุ 12 เดือนขึ้นไป ควรเลิกใช้ขวดนมและสอนให้เด็กดื่มนมจากหลอด หรือดื่มจากแก้วน้ำแทน เพื่อป้องกันพฤติกรรมหลับคาขวดนม
- ฝึกให้รักษาความสะอาดในช่องปากอย่างถูกวิธี การทำความสะอาดช่องปากสามารถทำได้ตั้งแต่ฟันน้ำนมยังไม่ขึ้น เมื่อฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นมาแล้วก็จะต้องแปรงฟันอย่างถูกวิธีด้วยยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ด้วยปริมาณยาสีฟันที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย วันละ 2 ครั้ง เวลาเช้า -ก่อนนอน
- เช็ดปากและฟันของเด็กด้วยผ้านุ่มชุบน้ำอุ่นหมาด ๆ หลังการป้อนอาหารทุกครั้ง
- พบทันตแพทย์ทุกๆ 6 เดือนหลังจากที่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้น ทั้งนี้ทันตแพทย์อาจพิจารณาให้ฟลูออไรด์เพื่อป้องกันฟันผุ โดยขึ้นอยู่กับสภาพช่องปากและวัยของเด็ก
มาสร้างนิสัยการดูแลฟันน้ำนมที่ดีและถูกต้องตั้งแต่วัยเด็กดีกว่า เพราะจะเป็นรากฐานที่ดีของการดูแลฟันแท้ ฟันชุดสุดท้ายของชีวิตต่อไป ไม่อย่างนั้นหากยังดูแลฟันไม่ถูกวิธีอีก เมื่อฟันแท้โบกมือลาไปวันใด สิ่งที่จะได้กลับมาก็มีแต่ "ช่องว่างของเหงือก" ในปาก และ "ฟันปลอม" ที่ทันตแพทย์ประดิษฐ์ขึ้นเท่านั้น