การผ่าตัดหัวใจ เป็นทางเลือกหนึ่งในการรักษาภาวะหัวใจที่มีความรุนแรง การผ่าตัดหัวใจมีหลายรูปแบบ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาว่าการผ่าตัดแบบใดจะเหมาะสมกับผู้ป่วยมากที่สุด
ทำไมถึงต้องเข้ารับการผ่าตัดหัวใจ?
หากภาวะหัวใจที่คุณเป็นอยู่มีอาการรุนแรง หรือมีแนวโน้มว่า จะรุนแรงมากขึ้น แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัดเพื่อควบคุมอาการ หรือเพื่อลดโอกาสเกิดภาวะหัวใจในอนาคต โดยการผ่าตัดหัวใจมีหลายรูปแบบ และมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ตรวจหัวใจและหลอดเลือดวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 294 บาท ลดสูงสุด80%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
1. การผ่าตัดเปิดหัวใจ (Open Heart Surgery)
การผ่าตัดเปิดหัวใจเป็นการผ่าตัดที่จะมีการผ่าเปิดหน้าอกเข้าไปให้ถึงหัวใจ แบ่งออกเป็น 2 วิธี ได้แก่
1.1 การขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน และการดามถ่างหลอดเลือด (Coronary Angioplasty and Stenting)
การผ่าตัดชนิดนี้ทำเพื่อเปิดช่องของหลอดเลือดแดงที่อุดตันหรือตีบแคบออก หลอดเลือดที่ตีบแคบจะถูกถ่างออกด้วยบอลลูน (Angioplasty) และจะมีการสอดลวดโลหะเข้าไปในหลอดเลือดเพื่อดามผนังหลอดเลือดให้เปิดอยู่ตลอดเวลา ทำให้เลือดไหลผ่านได้อย่างอิสระ การรักษานี้มักจะทำเพื่อบรรเทาอาการเจ็บแน่นหน้าอก (Angina)
1.2 การผ่าตัดทำทางเบี่ยงหลอดเลือดหัวใจ (Heart Bypass หรือ Coronary Artery Bypass Grafting: CABG)
การผ่าตัดประเภทนี้เป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ใช้รักษาผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจและภาวะแน่นหน้าอก โดยนำหลอดเลือดจากส่วนอื่นของร่างกายมาเย็บติดเข้ากับหลอดเลือดหัวใจในตำแหน่งเหนือหรือใต้จุดที่เกิดการอุดตันเพื่อทำทางเบี่ยงช่วยให้เกิดการไหลเวียนของเลือดอ้อมหลอดเลือดที่มีการอุดตัน
2. การผ่าตัดลิ้นหัวใจ (Valve Surgery)
หากลิ้นหัวใจเกิดความเสียหาย ก็จำเป็นจะต้องมีการผ่าตัดโดยวิธีต่อไปนี้
ตรวจหัวใจและหลอดเลือดวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 294 บาท ลดสูงสุด80%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
2.1 การผ่าตัดใส่ลิ้นบอลลูน (Balloon Valve Surgery)
ลิ้นหัวใจที่ตีบแคบสามารถถูกยืดออกด้วยการผ่าตัดใส่ลิ้นบอลลูน ซึ่งจะมีการสอดท่อสายสวนพลาสติก (Catheter) เข้าไปในหลอดเลือดแดงใหญ่ผ่านทางขาหนีบ แล้วค่อยๆ นำท่อไปยังหัวใจ จากนั้นจะมีการสอดบอลลูนที่พองลมขนาดเล็กผ่านสายสวนเข้าไป
เมื่อบอลลูนไปถึงตำแหน่งของลิ้นที่เสียหายแล้ว บอลลูนจะพองลมออกและยืดลิ้นหัวใจออก จากนั้นบอลลูนจะหดขนาดลงก่อนถูกดึงออกมาจากหัวใจพร้อมสายสวน
2.2 การซ่อมแซมลิ้นหัวใจ (Valve Repair)
การผ่าตัดซ่อมแซมลิ้นหัวใจส่วนมากจะดำเนินการเพื่อรักษาโรคลิ้นหัวใจ โดยจะทำการผ่าตัดเพื่อรักษาลิ้นหัวใจที่ทำงานผิดปกติที่ยังพอซ่อมแซมได้ เช่น ไมตรัลไหลย้อนกลับ (Mitral Valve Regurgitation)
2.3 การเปลี่ยนลิ้นหัวใจ (Valve Replacement)
ตรวจหัวใจและหลอดเลือดวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 294 บาท ลดสูงสุด80%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หากลิ้นหัวใจไม่สามารถซ่อมแซมได้ แพทย์จะทำการเปลี่ยนเป็นลิ้นหัวใจเทียมที่อาจทำมาจากโลหะหรือเนื้อเยื่อหัวใจตามธรรมชาติแทน
2.4 TAVI (Transcatheter Aortic Valve Implantation)
ผู้ที่เคยเข้ารับการผ่าตัดมาก่อน หรือมีสุขภาพไม่พร้อมรับการผ่าตัด จะมีกระบวนการที่เรียกว่า TAVI ในการรักษาแทน โดยมีหลักปฏิบัติดังนี้
- ผู้ป่วยจะได้รับยาชาเฉพาะที่ (Local Anaesthetic) หรือยาสลบ (General Anaesthetic)
- จะมีการสอดสายสวนพร้อมบอลลูนที่ปลายเข้าไปในหลอดเลือดแดงที่ขาหนีบ บริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า หรือผ่านรอยกรีดที่ผิวหนังหน้าอกเข้าไป สายสวนจะเข้าไปยังหัวใจภายในช่องเปิดของลิ้นเอออร์ติก
- บอลลูนจะค่อยๆ พองตัวออกจนสร้างพื้นที่สำหรับใส่ลิ้นหัวใจใหม่ ลิ้นหัวใจใหม่จะขยายตัวออกด้วยตัวเองหรือขยายออกด้วยการใช้บอลลูน ขึ้นอยู่กับประเภทของลิ้นที่นำมาเปลี่ยน
- บอลลูนจะลดขนาดลงก่อนถูกนำออกพร้อมสายสวน ลิ้นหัวใจใหม่จะอยู่ในตำแหน่งภายในลิ้นหัวใจเดิมของคุณ
3. การรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
มีการบำบัดมากมายที่สามารถใช้ในการรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่พบว่าสาเหตุเกิดจากการส่งสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจผิดปกติได้ เช่น
3.1 การบำบัดด้วยการใช้สายสวนจี้กล้ามเนื้อหัวใจ (Ablation Therapy)
วิธีการนี้เป็นหัตถการที่มีการปล่อยเลเซอร์ไปทำลายสัญญาณทางไฟฟ้าที่เข้าไปรบกวนเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจตามธรรมชาติ
3.2 ซิงโครไนซ์คาร์ดิโอเวอร์ชัน (Synchronized Cardioversion)
วิธีนี้จะทำการช็อตหัวใจด้วยไฟฟ้าที่ปล่อยมาจากเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจ (Defibrillator) เพื่อฟื้นคืนจังหวะการเต้นที่เป็นปกติของหัวใจ
3.3 เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemakers)
เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ควบคุมแก้ไขจังหวะการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติ เมื่อเกิดปัญหาขึ้น อุปกรณ์นี้จะส่งสัญญาณไฟฟ้าไปกระตุ้นห้องของหัวใจให้ทำการบีบรัดและคลายตัวเองในจังหวะที่ควรจะเป็น
เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจมักจะถูกฝังเข้าร่างกายระหว่างการผ่าตัด หรือหลังจากประสบภาวะดังต่อไปนี้
- เมื่อกิจกรรมทางไฟฟ้าของหัวใจไม่ประสานงานกันจนไม่สามารถทำให้หัวใจเต้นได้เพียงพอ (Heart Block)
- เมื่อหัวใจเต้นเร็วเกินไปบางช่วงเวลา ภาวะเช่นนี้สามารถรักษาได้ด้วยการรับประทานยาชะลอการเต้นของหัวใจ อย่างไรก็ตาม ระหว่างช่วงเวลาที่หัวใจไม่ได้เต้นเร็วเกินไป ยาจะยังคงมีผลอยู่จนทำให้หัวใจเต้นช้าเกินไป และทำให้ต้องมีการใช้เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจเพื่อเร่งการทำงานของหัวใจขึ้น
- หากจังหวะการเต้นของหัวใจแบบเก่าของคุณหายไปไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจจะช่วยชดเชยการทำงานและกระตุ้นให้มีจังหวะการเต้นของหัวใจตามปกติขึ้น
3.4 เครื่องกระตุ้นหัวใจชนิดฝัง (Implantable Cardioverter Defibrillators: ICD)
คืออุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ทำหน้าที่คล้ายกับเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ (Pacemakers) อุปกรณ์นี้ถูกออกแบบมาเพื่อตรวจจับสัญญาณของภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เป็นอันตรายต่อชีวิต และฟื้นคืนจังหวะของหัวใจให้กลับมาเป็นปกติ มักนิยมนำมาใช้กับภาวะดังนี้
- ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิต
- ผู้ที่เคยรอดชีวิตมาจากภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิตมาก่อน
3.5 เครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจชนิดปรับการทำงานกล้ามเนื้อหัวใจให้บีบตัวประสานกัน (Cardiac Resynchronisation Therapy Pacemakers: CRT-P) และเครื่องกระตุกไฟฟ้าหัวใจชนิดปรับการทำงานกล้ามเนื้อหัวใจให้บีบตัวประสานกัน (Cardiac Resynchronisation Therapy Defibrillator device: CRT-D)
หากคุณเคยประสบกับภาวะหัวใจล้มเหลว คุณอาจต้องได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ชนิดพิเศษที่เรียกว่าเครื่อง CRT-D ที่จะปรับให้ห้องของหัวใจทำงานประสานกันใหม่และช่วยควบคุมกิจกรรมการสูบฉีดของหัวใจให้กลับสู่สภาพเดิม
และยังมีการรักษา CRT อีกประเภทที่ใช้หลักการเดียวกับข้างต้น แต่จะมีการปล่อยกระแสไฟฟ้าไปช็อตหัวใจ เพื่อรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะที่เป็นอันตรายถึงชีวิต และทำให้ห้องต่างๆ ของหัวใจทำงานประสานกันอีกครั้งแทน
3.6 อุปกรณ์พยุงการทำงานของหัวใจ (Left Ventricular Assist Device: LVAD) หรือ VAD
คืออุปกรณ์พยุงการไหลเวียนโลหิตด้วยการนำเลือดจากหัวใจห้องเวนตริเคิลซ้าย สูบฉีดเข้าไปในหลอดเลือดแดงเอออร์ตา (Aorta) เพื่อนำเลือดไปเลี้ยงร่างกาย
4. การปลูกถ่ายหัวใจ (Heart transplant)
การปลูกถ่ายหัวใจคือ การผ่าตัดสำหรับเปลี่ยนหัวใจเก่าด้วยหัวใจใหม่ที่มีสุขภาพดีจากผู้บริจาค เป็นการรักษาที่มักมีการสำรองไว้กับผู้ที่ลองใช้ยา หรือรับการรักษาด้วยวิธีการผ่าตัดอื่นๆ แล้ว แต่อาการยังไม่ดีขึ้น
แม้การปลูกถ่ายหัวใจจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ แต่โอกาสรอดชีวิตจากการผ่าตัดนี้นับว่ามีประสิทธิภาพมาก หากคนไข้ได้รับการติดตามดูแลหลังการผ่าตัดอย่างเหมาะสม
เปรียบเทียบราคาและแพ็กเกจตรวจหัวใจ จากคลินิกและโรงพยาบาลใกล้คุณ และไม่พลาดทุกการอัปเดตเรื่องสุขภาพและโปรโมชั่นเมื่อกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android