มะรุม (Moringa) เป็นไม้พุ่มหรือไม้ยืนต้น สูง 3-10 เมตร ใบรูปไข่กลับ ปลายมน หรือเว้าตื้น ออกดอกเป็นช่อแบบแยกแขนง กลีบดอกสีเขียวอ่อน ออกดอกตลอดทั้งปี ผลเป็นฝักรูปดาบหรือกระบอง ยาว 18-45 เซนติเมตร เมล็ดขนาดประมาณ 10 มิลลิเมตร
เติบโตตามแถบประเทศเขตร้อนและกึ่งเขตร้อนอย่างแถบทวีปเอเชียและแอฟริกา โดยใช้ใบ เปลือกไม้ ดอก ผล เมล็ด และรากนำไปทำยา
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
มะรุมเป็นยาพื้นบ้าน ช่วยแก้ไข้ ขับปัสสาวะ ห้ามเลือด ช่วยการนอนหลับ และเป็นยาระบาย รวมถึงใช้เป็นยาบำรุงและแก้ปวดตามข้อด้วย
นอกจากนี้ มะรุมยังมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ต้านอนุมูลอิสระ ขับปัสสาวะ ลดความดัน ลดระดับน้ำตาล ไขมันในเลือด ลดไข้ ป้องกันตับอักเสบรักษาแผลในกระเพาะอาหาร รวมไปถึงป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย ไวรัส และเชื้อรา
น้ำมันจากเมล็ดมะรุมใช้ในการประกอบอาหาร ทำน้ำหอม และเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม และนำไปหล่อลื่นเครื่องจักรได้ด้วย
มะรุมเป็นแหล่งอาหารสำคัญของบางพื้นที่ในโลก เนื่องจากเป็นพืชที่โตง่ายและราคาถูก ใบของต้นมะรุมที่นำไปตากแห้งมีวิตามินและแร่ธาตุมากมาย รวมถึงมีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น กรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) ฟลาโวนอยด์ (Flavonoids) ฟีโนลิค (Phenolics) แคโรทีนอยด์ (Carotenoid)
ในประเทศอินเดียและแอฟริกายังมีโครงการนำมะรุมไปใช้ต่อสู้กับความอดอยากอีกด้วย หน่อที่ยังไม่โตเต็มที่ (Drumsticks) มีลักษณะคล้ายถั่วเขียว สามารถนำเมล็ดข้างในออกไปปรุงหรือย่างเหมือนถั่วก็ได้ ใบของต้นมะรุมนำไปปรุงอาหารได้เหมือนผักโขม นำไปตากแห้งและบดเป็นผง ใช้เป็นเครื่องปรุงได้อีกด้วย
ประโยชน์ของมะรุม
มะรุมประกอบด้วยโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุมากมาย ทั้งวิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 โฟเลต กรดแอสคอร์บิก (วิตามินซี) แคลเซียม โพแทสเซียม เหล็ก แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส และสังกะสี อีกทั้งยังมีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันและฟื้นฟูเซลล์ร่างกายจากความเสียหายได้
ภาวะที่ใช้มะรุมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด จากการทดลองให้สารสกัดจากใบมะรุม 150 มิลลิกรัม/กิโลกรัม แก่หนูที่เป็นเบาหวานนาน 5 สัปดาห์ สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือด ลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดระดับคอเลสเตอรอลชนิด LDL หรือไขมันไม่ดี รวมถึงเพิ่มระดับอินซูลินได้
- ต้านอนุมูลอิสระ จากการนำส่วนต่างๆ ของมะรุมมาสกัดด้วยนำเกลือและแอลกอฮอล์ พบว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระจากทั้งใบและดอกมะรุม
- หอบหืด มีการศึกษาพบว่า ผงสกัดจากเมล็ดมะรุมปริมาณ 3 กรัมเป็นเวลานาน 3 สัปดาห์ สามารถลดอาการและความรุนแรงของโรคหอบหืดในผู้ใหญ่ได้
- ขับปัสสาวะ สารสกัดจากใบ ดอก เมล็ด และต้นมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ
- ลดความดัน ในมะรุมมีสารไอโซไทโอไซยาเนต (Isothiocyanate) และ สารไนอะซิมินิน (Niaziminin) ที่ช่วยยับยั้งไม่ให้ความดันโลหิตสูงได้
- รักษาแผลในกระเพาะอาหาร สารสกัดจากใบมะรุมจำพวกฟีนอลและฟลาโวนอยด์ ช่วยลดการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดจากใบ ราก และ ต้น มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราหลายชนิด
- ต้านการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง มีหลายการศึกษาเกี่ยวกับการต้านมะเร็งในมะรุม เช่น สารสกัดจากใบและผลของมะรุมพบว่าสามารลดการโตของมะเร็งผิวหนังในหนู
ผลข้างเคียงและความปลอดภัยของมะรุม
ใบ ผล และเมล็ดของต้นมะรุมบริโภคเป็นอาหารได้อย่างปลอดภัยเมื่อรับประทานหรือใช้ในปริมาณที่เหมาะสม ควรเลี่ยงการบริโภครากและสารสกัดมะรุมในปริมาณมากเนื่องจากอาจมีสารพิษที่ทำให้เกิดอาการอัมพาตและเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเรื่องความปลอดภัยในการใช้มะรุมในปริมาณที่ใช้กันในทางการแพทย์
คำเตือนและข้อควรระวังในการใช้มะรุม
สตรีมีครรภ์และแม่ที่ต้องให้นมบุตร การใช้ราก เปลือกไม้ หรือดอกมะรุมไม่ปลอดภัยหากคุณกำลังตั้งครรภ์อยู่ เนื่องจากสารเคมีอาจทำให้มดลูกบีบรัดและแท้งบุตรได้ อีกทั้ง ณ ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการใช้ส่วนอื่นๆ ของต้นมะรุมกับกลุ่มสตรีมีครรภ์ ดังนั้นคนในกลุ่มดังกล่าวควรเลี่ยงใช้มะรุมเพื่อความปลอดภัย และ ณ ขณะนี้ยังคงไม่มีข้อมูลพิสูจน์ว่ามะรุมมีความปลอดภัยต่อผู้ที่ต้องให้นมบุตร ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงควรเลี่ยงการบริโภคมะรุมขณะกำลังให้นมบุตร
ปริมาณการใช้มะรุมและการใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการส่งผลซึ่งกันและกันของมะรุมกับยาชนิดอื่น อีกทั้งขนาดยาที่เหมาะสมสำหรับมะรุมนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น อายุ สุขภาพ และภาวะสุขภาพอื่นๆ ของผู้ใช้ ซึ่ง ณ ขณะนี้ยังคงขาดแคลนข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาชี้ชัดปริมาณที่เหมาะสมของมะรุม ดังนั้นพึงจำไว้ว่าแม้จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติก็ไม่จำเป็นต้องปลอดภัยทุกครั้ง พยายามปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากยาและปรึกษากับเภสัชกร แพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพท่านอื่นก่อนใช้มะรุมทุกครั้ง