โรคหนองใน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบมากที่สุดในเพศชายและเพศหญิง นอกจากนี้โรคหนองในยังเป็นปัญหาทางสาธารณสุขทั้งในประเทศไทยและหลายประเทศทั่วโลก จากการเก็บสถิติอุบัติการณ์การเกิดโรคหนองในพบว่า พบผู้ที่เป็นโรคหนองในมากที่สุดในช่วงอายุ 15-24 ปี ในปี พ.ศ. 2560 พบผู้ป่วยโรคหนองในเพิ่มขึ้นขึ้น คิดเพิ่มขึ้นคิดเป็นอัตราป่วย 15.74 ต่อแสนประชากร และคาดการณ์ว่าผู้ป่วยกลุ่มนี้มีแนวโน้มการเพิ่มสูงขึ้นในทุกๆ ปี
โรคหนองในติดต่อกันทางไหน?
โรคหนองในติดต่อโดยการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่เป็นโรค ผ่านทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือทางปากโดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย ทำให้เกิดการติดเชี้อแบคทีเรียซีเรียโกโนเรีย (Neisseria Gonorrhea) ที่อยู่ในน้ำอสุจิ ตกขาว หนองจากช่องคลอดหรือปลายองคชาต ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการหลังจากที่ได้รับเชื้อประมาณ 3-5 วัน นอกจากนี้ เชื้อแบคทีเรียดังกล่าวสามารถติดจากมารดาสู่ทารกระหว่างการคลอดได้อีกด้วย ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเคยโรคหนองใน หลังจากได้รับการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะจนรักษาโรคให้หายแล้ว ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคซ้ำได้หากสัมผัสโรคอีก เนื่องจากยาปฏิชีวนะไม่สามารถซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายไปแล้วได้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
กลุ่มเสี่ยงโรคหนองใน
- ผู้ที่มีคู่นอนมากกว่าหนึ่งคน หรือผู้ที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อยในรอบ 1-3 เดือน
- กลุ่มวัยรุ่น ที่ไม่มีความรู้ในการป้องกันการเกิดโรค
- ผู้ที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในขณะมีเพศสัมพันธ์
- ผู้ที่เคยเป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่นๆมาแล้ว เช่น โรคซิฟิลิส (Syphilis) หรือผู้ที่เคยเป็นโรคหนองในแล้ว สามารถกลับมาเป็นโรคซ้ำได้
- ผู้ติดยาเสพติด
การสังเกตอาการหนองในเบื้องต้น ในผู้หญิงและผู้ชาย
อาการของเพศหญิงและเพศชายจะคล้ายกัน คือ มีของเหลวข้นๆ สีเหลืองหรือสีขาว คล้ายหนอง ไหลออกจากช่องคลอดหรือไหลจากปลายองคชาต มีอาการปัสสาวะขัดหรือเจ็บแสบ อาจมีอาการรูสึกไม่สบายเนื้อตัว หรือมีอาการเจ็บคอ คอแห้ง ร่วมด้วย นอกจากนี้ในเพศหญิง เชื้อโรคจะแพร่อยู่บริเวณท่อปัสสาวะและปากมดลูก อาจมีอาการอักเสบของท่อปัสสาวะ ช่องคลอด ปากมดลูก และทวารหนนัก อาจมีอาการอักเสบของอวัยวะในอุ้งเชิงกรานอย่างรุนแรงจนเป็นหนอง ทำให้ท่อนำไข่ตีบตัน มีผลทำให้เป็นหมันและท้องนอกมดลูกได้ ส่วนเพศชาย จะเชื้อโรคจะกระจายบริเวณท่อปัสสาวะ อาจมีฝีที่ผนังท่อปัสสาวะ เกิดการตีบตัน ทำให้ต่อมลูกหมากอักเสบ อัณฑะอักเสบ และทำให้เป็นหมันได้เช่นเดียวกัน
วิธีการตรวจหาเชื้อหนองใน
ทั้งในเพศชายและเพศหญิงจะมีวิธีการตรวจเชื้อทางห้องปฏิบัติการที่คล้ายกัน โดยเพศหญิงตรวจหาเชื้อได้โดยการตรวจภายในเก็บตัวอย่างตกขาวหรือหนองในช่องคลอดไปตรวจ ส่วนเพศชายนำตัวอย่างของเหลวที่ถูกขับออกมาจากปลายของคชาต จากนั้นย้อมสีด้วยวิธีเฉพาะ ส่องดูเชื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์ และนำตกขาวหรือสิ่งที่ตรวจพบส่งไปห้องปฏิบัติการเพื่อเพาะเชื้อและตรวจหาเชื้อต่อไป นอกจากการติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศแล้ว โรคหนองในสามารถติดเชื้อบริเวณอื่นได้อีกด้วย เช่น ลำคอ ทวารหนัก หรือเยื่อบุตา สามารถเก็บตัวอย่างของเหลวจากอวัยวะดังกล่าวส่งตรวจหาเชื้อแบคทีเรียได้เช่นเดียวกัน
ภาวะแทรกซ้อนจากโรคหนองใน
พบว่าประมาณ 77 % ของผู้ติดเชื้อ HIV ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสก่อให้เกิดภูมิคุ้มกันบกพร่อง มีสาเหตุจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกันหรือการไม่ใช้ถุงยางอนามัย ดังนั้นผู้ป่วยโรคหนองในจึงเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ HIV เนื่องจากโรคหนองใน มีความสัมพันธ์กับโรคเอดส์ โดยผู้ป่วยหนองในจะมีโอกาสรับเชื้อ HIV ได้ง่ายกว่าคนปกติทั้งในเพศชายและเพศหญิง ยิ่งไปกว่านั้น ในหญิงตั้งครรภ์ที่ติดเชื้อแบคทีเรียโรคหนองในยังอาจทำให้ทารกแรกเกิดติดเชื้อจากการคลอดผ่านช่องคลอด จนเกิดเยื่อบุตาอักเสบ และหากไม่ทำการรักษาอาจทำให้ทารกตาบอดได้
การรักษาอาการหนองใน
เนื่องจากหนองในเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ดังนั้นการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดจึงเป็นการใช้ยาปฏิชีวนะ เพื่อลดการแพร่กระจายและฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ เพราะแพทย์จะทราบว่าควรใช้ยาชนิดใดจึงให้ผลการรักษาดีขึ้นและเหมาะสมที่สุดสำหรับอาการป่วยแต่ละบุคคล
การปฏิบัติตนขณะป่วยและรักษาอาการหนองใน
- ควรงดร่วมเพศ รวมทั้งการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคไปบริเวณอื่น
- รักษาความสะอาดร่างกาย ความสะอาดของเสื้อผ้า ไม่ใช้เสื้อผ้าร่วมกับผู้อื่น รักษาความสะอาดอวัยวะเพศและบริเวณใกล้เคียงให้สะอาดและแห้งอยู่เสมอ
- ควรตรวจรักษาทั้งผู้ป่วยและคู่นอนกับแพทย์เท่านั้น ไม่ควรซื้อยารับประทานเอง เพราะเชื้อชนิดนี้ดื้อยาง่าย อาจทำให้รักษาไม่หายขาด
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ เข้ารับการรักษาและตรวจตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
- หากคู่นอนมีอาการผิดปกติ น่าสงสัยว่าเป็นโรคหนองใน เช่น ตกขาวมีกลิ่นเหม็น หรือมีหนองไหลจากอวัยวะเพศ ควรรีบพบแพทย์ทันที
การป้องกันอาการหนองใน
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
- มีคู่นอนเพียงคนเดียว และควรได้รับการตรวจหาเชื้อก่อนมีเพศสัมพันธ์
- รักษาความสะอาดของร่างกายและอวัยวะเพศอย่างสม่ำเสมอ
- เข้ารับการตรวจคัดกรองเชื้อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจหาการติดเชื้อ