กลากกับเกลื้อนนั้นไม่ใช่โรคเดียวกัน สามารถแยกแยะความแตกต่างได้จากลักษณะของผื่นที่พบ และโรคกลากมักจะพบอาการคันได้มากกว่า แต่การรักษาสามารถรักษาด้วยตัวยาชนิดเดียวกัน คือยาต้านเชื้อรากลุ่มเอโซล (Azole) รายละเอียดของกลากกับเกลื้อน เ่ช่น เชื้อก่อโรค ลักษณะผิวหนังบริเวณที่เป็นโรค วิธีรักษา มีดังนี้
กลาก (Dermatophytosis)
กลาก เกิดจากเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโทไฟต์ (Dermatophyte) สามารถติดต่อจากคนสู่คน หรือจากสัตว์สู่คนก็ได้ ลักษณะกลากมักพบเป็นวงกลมหรือวงแหวน เป็นหนึ่งวงหรือหลายวงซ้อนกันก็ได้ ตรงกลางมักเป็นสีอ่อนหรือสีขาว ขอบด้านนอกจะแดงและมีขุย ผู้ป่วยมักมีอาการคัน มากหรือน้อยแล้วแต่คน เมื่อไปพบแพทย์อาจ ถูกขูดผิวหนังบริเวณที่เป็นเพื่อนำไปหาเชื้อ จะพบการติดเชื้อราที่มีสายใยเป็นข้อปล้องในบริเวณที่เป็น สามารถรักษา ด้วยการรับประทานหรือทายาฆ่าเชื้อราจำพวกเอโซล (Azole) เช่น คีโทโคนาโซล (Ketoconazole)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
โรคกลากสามารถพบได้หลายบริเวณทั่วร่างกาย อาจหายเองได้ แต่ใช้เวลานาน มักพบในพื้นที่เขตร้อนชื้น เนื่องจากเชื้อรามักเจริญเติบโตได้ดีในช่วงอุณหภูมิ 25-28 องศาเซลเซียส และประเทศในเขตร้อนชื้อมักมีประชากรอยู่อาศัยรวม กันหนาแน่น สามารถสัมผัสติดโรคต่อกันได้ง่าย
เมื่อพบผิวหนังเป็นโรคกลาก จะมีชื่อเรียกตามเฉพาะที่ขึ้นนั้นๆ ยกตัวอย่างเช่น
- Tinea capitis เป็นกลากบริเวณหนังศรีษะ
- Tinea faciei เป็นกลากบริเวณใบหน้า
- Tinea corporis เป็นกลากบริเวณลำตัว
- Tinea pedis เป็นกลากบริเวณเท้า
ตำแหน่งที่สามารถพบกลากได้
ตำแหน่งของร่างกายที่สามารถพบกลาก และลักษณะพื้นผิวที่ติดเชื้อกลาก มีดังนี้
- ศีรษะ มักพบในเด็กวัยเรียนมากที่สุด
- ตามลำตัว แขน ขา มักพบเป็นวงแหวนที่เห็นได้ชัด
- ขาหนีบ หรือเรียกอีกอย่างว่า สังคัง
- มือ เท้า มักเป็นข้างใดช้างหนึ่ง เกิดจากแช่เท้าในน้ำที่ไม่สะอาดเป็นเวลานาน หรือถุงเท้าที่สกปรก ไม่ระบายอากาศ
- ใบหน้าสามารถพบโรคกลากได้เช่นกัน แต่มักพบโรคเกลื้อนมากกว่า
- เล็บ จะพบผิวเล็บไม่เรียบ เปราะหักง่าย และเปลี่ยนสี
เกลื้อน (Pityriasis หรือ Tinea versicolor)
เกลื้อน เกิดจากเชื้อรา Malassezia furfur มักพบเป็นผื่นสีขาวหรือสีแดง สามารถลามเป็นปื้นขนาดใหญ่ได้และมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน แต่ขอบของผื่นมักจะมองเห็นได้ชัดเจน และอาจพบขุยแบบละเอียดอยู่ด้วย
เกลื้อนมักขึ้นในบริเวณร่างกายส่วนบน ได้แก่ ใบหน้า ลำคอ หลัง หน้าอก และต้นแขน ส่วนบริเวณร่างกายส่วนล่าง เช่น ขาหรือเท้า จะพบได้น้อยกว่า ผู้ป่วยที่เป็นเกลื้อนอาจไม่พบอาการใดๆ เลย หรือคันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อนำเซลล์ผิวหนังบริเวณที่เป็นผื่นไปตรวจจะพบเชื้อราแบบกลมและแบบท่อนผสมกัน การรักษาสามารถรับประทานหรือทาก็ได้ ใช้ยาจำพวกเอโซล (Azole) เช่นเดียวกันกับการรักษาโรคกลาก โรคเกลื้อนเป็นโรคที่มีความร้ายแรงต่ำ แต่เมื่อหายแล้วมักพบเป็นปื้นสีขาว ก่อให้เกิดความไม่สวยงามได้ และมักเป็นโรคเรื้อรังเนื่องจากหากหายแล้วสามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีก
เมื่อเป็นกลากหรือเกลื้อนซ้ำ สามารถไปซื้อยาจากร้านขายยามาทาเพื่อให้หายเองได้โดยไม่ต้องพบแพทย์ แต่หากมีอาการมาก หรือมีโรคแทรกซ้อนร่วม เช่นภูมิคุ้มกันต่ำ มีอาการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมจนเป็นหนอง จำเป็นต้องพบแพทย์ เพื่อรับยาแบบรับประทาน
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคกลากหรือโรคเกลื้อน
เมื่อเป็นโรคผิวหนังชนิดกลากหรือเกลือน ควรดูแลตนเองดังนี้
- ชำระล้างร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอ
- เช็ดร่างกายโดยเฉพาะบริเวณซอกข้อพับต่างๆ ให้แห้งและไม่เปียกชื้น
- หลีกเลี่ยงการใส่เสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป และเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายเหงื่อได้ดี
- เปลี่ยนเสื้อผ้าและถุงเท้าให้สะอาดเป็นประจำ
- ใส่รองเท้าที่เปิดนิ้วเท้าเพื่อช่วยระบายเหงื่อ
- เลือกใช้สบู่หรือแชมพูที่มีส่วนผสมของซีลีเนียมซัลเฟต (Selenium sulfate)