ในช่วงระยะเวลาตลอดการตั้งครรภ์ ร่างกายของคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จะมีความเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอทุกๆ ไตรมาส โดยหนึ่งในอาการที่แสดงออกในไตรมาสแรกนั่นก็คืออาการชอบกินของเปรี้ยว ซึ่งอาจจะเป็นผลไม้รสเปรี้ยวหรืออาหารที่มีรสชาติเปรี้ยว จึงทำให้มีคำถามกับหญิงตั้งครรภ์ที่เกิดอาการแบบนี้ว่า “ทำไมคุณแม่ชอบกินของเปรี้ยว”
ผู้หญิงตั้งครรภ์กับอาการที่เปลี่ยนแปลงในไตรมาสแรก
คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ใน 3 เดือนแรก จะเป็นช่วงที่เรียกว่ากำลังตั้งท้องอ่อนๆ ส่งผลให้ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย โดยในระยะนี้มักพบว่าคุณแม่จะมีอาการเรียกว่า “อาการแพ้ท้อง” หรือ Morning Sickness กล่าวคือ เมื่อตื่นนอนตอนเช้าจะมีอาการเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ อาเจียน อ่อนเพลีย และความดันต่ำ
ฝากครรภ์ คลอดบุตรวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 79 บาท ลดสูงสุด 65%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
อาการเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะร่างกายของคุณแม่ได้ผลิตฮอร์โมน Human Chorionic Gonadotropin (HCG) ทำให้ระบบประสาทสั่งการให้อยากรับประทานอาหารที่มีรสเปรี้ยว รวมทั้งมีปฏิกิริยากับกลิ่น รส หรือเสียงที่มากระทบจากภายนอกอย่างเช่นเหม็นกลิ่นอาหารหรือกลิ่นคุณพ่อได้อีกด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้เป็นระบบที่ธรรมชาติได้สร้างมา เพื่อให้คุณแม่พักผ่อนด้วยการรับประทานหรือนอนมากๆ สำหรับรองรับช่วงสำคัญของลูกรักที่ต้องการพัฒนาและเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์นั่นเอง
ทำไมต้องกินของเปรี้ยวแล้วมีประโยชน์อย่างไร?
อาหารรสเปรี้ยวหรือผลไม้ที่มีเปรี้ยวอุดมไปด้วยวิตามินซีจะช่วยลดหรือคลายอาการพะอืดพะอม คลื่นไส้ วิงเวียน เพราะการกินของเปรี้ยวจะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย ทำให้เพิ่มความอยากอาหารและต่อมรับรสอาหารทำงานได้ดีขึ้นนั่นเอง
นอกจากการบรรเทาอาการแพ้ท้องแล้ว วิตามินซีในรสเปรี้ยวยังมีประโยชน์กับร่างกายคุณแม่หลายประการ ทั้ง
ในด้านการบรรเทาอาการท้องอืด ช่วยขับลมในกระเพาะอาหาร ทำให้คุณแม่รู้สึกสดชื่นและกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น ต้านโรคหวัด ป้องกันไม่ให้เลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการขับถ่ายให้สะดวก และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ รวมถึงทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
กินของเปรี้ยวแล้วเป็นอันตรายหรือไม่?
รสชาติของอาหารไม่ว่าจะเป็นรสชาติใดๆ ก็ตาม หากรับประทานมากเกินไปย่อมส่งผลเสียกับสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ แม้แต่ของเปรี้ยวก็เช่นกันและผลเสียก็จะขึ้นอยู่ด้วยว่ากินของเปรี้ยวประเภทใดอีกด้วย
1. ผลไม้ธรรมชาติ
ตัวอย่างเช่น มะยม มะม่วง สับปะรด และมะขาม เป็นต้น จะส่งผลดีต่อลูกรักในครรภ์ ถ้าปราศจากสารเคมีและผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาด ปราศจากเชื้อโรคปนเปื้อนที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ แต่คุณแม่ควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะหรือสมดุล ในทางตรงกันข้าม หากรับประทานมากเกินไปย่อมเกิดผลเสียอย่างแน่นอน อาทิเช่น อาการท้องร่วง ปัสสาวะบ่อย เกิดอาการระคายเคืองในกระเพาะอาหาร ดังนั้นจึงไม่ควรกินผลไม้รสเปรี้ยวขณะท้องว่างหรือรับประทานมากจนทำให้รับประทานอาหารหลักได้น้อย เพราะร่างกายจะได้รับสารอาหารชนิดอื่นๆ ไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกในครรภ์
2. การหมักดอง
ตัวอย่างเช่น หน่อไม้ดอง แหนม และผลไม้ดองชนิดต่างๆ มักจะไม่ค่อยมีวิตามินซีเท่าไรนัก เนื่องจากมีการสูญเสียคุณค่าทางอาหารในกระบวนการผลิตไปแล้ว อีกทั้งยังมีสารเคมีเจือปนอย่างเช่นสารกันเสีย สารฟอกสี หรือสารกันเชื้อรา ถึงแม้ว่าจะมีประโยชน์ในด้านการช่วยขับถ่ายอยู่บ้าง แต่คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ไม่ควรรับประทาน โดยหันมาเลือกผลไม้ธรรมชาติจะมีประโยชน์มากกว่า
3. อาหารที่มีรสเปรี้ยวจัด
การรับประทานอาหารที่ปรุงรสเปรี้ยวจัดๆ มักจะได้รสเปรี้ยวจากการใช้สารสังเคราะห์ด้วยวิธีการทางเคมีอย่างเช่นน้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาวสังเคราะห์ หากรับประทานบ่อยๆ หรือมากเกินไป จะทำลายผิวเคลือบฟันจนทำให้มีอาการเสียวฟันหรือฟันผุง่าย รวมถึงทำลายกระดูก ซึ่งจะยิ่งไม่เป็นผลดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ อาจทำให้ทีอาการท้องเสียและร้อนในได้
สุขภาพของลูกในครรภ์จะดีได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมของคุณแม่ด้วย เพราะการกินของเปรี้ยวในระหว่างการตั้งครรภ์ย่อมไม่ส่งผลเสียจนเกิดเป็นอันตรายต่อลูกรักในครรภ์อย่างแน่นอน เมื่อคุณแม่เลือกกินของเปรี้ยวที่มีประโยชน์ต่อร่างกายนั่นเอง