รู้หรือไม่ว่าเปปซินเป็นเอนไซม์ที่หน้าที่ย่อยโปรตีนในอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เรนนินช่วยเสริมความแข็งแกร่งของกระดูกและฟัน ไลเปสสามารถยับยั้งการติดเชื้อไวรัส และเรื่องราวที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย
หน้าที่ของเอนไซม์
เอนไซม์มีความจำเป็นต่อการย่อยอาหาร นำวิตามิน เกลือแร่ และกรดแอมิโนที่ค่าเข้าสู่ร่างกาย ช่วยให้เรามีชีวิตอยู่ได้และมีสุขภาพที่ดี เอนไซม์ยังเป็นตัวเร่งปฏิกิริยา หรือสารที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่างๆ ขึ้นภายในร่างกาย โดยที่ตัวมันเองไม่ถูกเปลี่ยนแปลงหรือทำลายโดยกระบวนการที่เกิดขึ้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เอนไซม์แต่ละชนิดจะทำงานกับอาหารแต่ละประเภท โดยไม่สามารถทำงานแทนกันได้ ภาวะที่ร่างกายขาดแคลนหรือไม่มีเอนไซม์แม้เพียงตัวใดตัวหนึ่ง อาจส่งผลถึงขั้นล้มป่วยได้เลยทีเดียว ตัวอย่างหน้าที่ของเอนไซม์
- เปปซิน เป็นเอนไซม์ย่อยอาหารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ทำหน้าที่ย่อยโปรตีนในอาหารที่เรารับประทานเข้าไป ตัดแบ่งเส้นสายโปรตีนให้เป็นกรดแอมิโนที่ร่างกายนำไปใช้ได้ หากปราศจากเปปซิน ร่างกายจะไม่สามารถนำโปรตีนมาใช้สร้างผิวพรรณที่มีสุขภาพดี โครงสร้างกระดูกที่แข็งแรง เม็ดเลือดที่คอยหล่อเลี้ยง และกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่ง
- เรนนิน เป็นเอนไซม์ย่อยอาหารที่ช่วยให้น้ำนมที่ดื่มเข้าไปเกิดการแข็งตัวช่วยเปลี่ยนโปรตีนเคซีนจากนมให้เป็นรูปที่ร่างกายนำไปใช้ได้ เรนนินช่วยให้แร่ธาตุที่มีประโยชน์จากนม เช่น แคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และเหล็ก ถูกร่างกายนำไปใช้ในการสร้างสมดุลเกลือแร่และน้ำ เพิ่มความแข็งแรงของระบบประสาท และเสริมความแข็งแกร่งของกระดูกและฟัน
- ไลเปส ช่วยตัดแบ่งไขมัน ซึ่งไขมันที่ได้จะถูกร่างกายนำไปใช้บำรุงเซลล์ผิวหนัง ปกป้องร่างกายจากภาวะฟกช้ำดำเขียว ยับยั้งการติดเชื้อไวรัสและภาวะภูมิแพ้ต่างๆ
เอนไซม์หาได้จากไหน?
แหล่งของเอนไซม์ที่ดีที่สุด มีดังต่อไปนี้
- ผลไม้
- ผักใบเขียวต่างๆ
- ไข่ไก่
- เนื้อสัตว์
- ปลา
อย่างไรก็ตาม เอนไซม์สามารถถูกทำลายได้ด้วยความร้อน ฉะนั้นจึงควรกินผักผลไม้สดเพื่อรับเอนไซม์ให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงอาการแปรรูปให้มากที่สุด
กรดไฮโดรคลอลิกที่ทำงานร่วมกับเอนไซม์คืออะไร?
กรดไฮโดรคลอริก เป็นกรดในกระเพาะอาหารที่ทำปฏิกิริยากับอาหารหนักๆ เช่น เนื้อแดงย่อยยาก ผัก เนื้อสัตว์ปีก เป็นตัวย่อยโปรตีน แคลเซียม และธาตุเหล็ก การขาดกรดไฮโดรคลอริกอาจสัมพันธ์กับโรคต่างๆ อาทิเช่น
- ภาวะโลหิตจางแบบเฟอร์นิเชียส (โลหิตจางเพราะขาดวิตามินบี 12)
- มะเร็งกระเพาะอาหาร
- ภาวะขาดกรดในกระเพาะแต่กำเนิด
- ภูมิแพ้
ความเครียด อารมณ์โกรธ และความวิตกกังวลก่อนการรับประทานอาหาร รวมไปถึงภาวะขาดวิตามินบางชนิด (โดยเฉพาะวิตามินบีรวม) และแร่ธาตุ อาจทำให้ร่างกายขาดกรดไฮโดรคลอริกได้ พวกเราหลายคนจึงมีกรดนี้น้อยกว่าที่ควรจะเป็นโดยไม่รู้ตัว
ถ้าคุณคิดว่าตัวเองมีปัญหากรดมากเกินไปหรือมีอาการเรอเปรี้ยวจึงรับประทานยาลดกรดเข้าไป แสดงว่าคุณอาจไม่ทราบว่า อาการของการมีกรดน้อยเกินไปเหมือนกับการมีกรดมากเกินไปทุกประการ ซึ่งในกรณีนี้ การรับประทานยาลดกรดจึงเป็นสิ่งที่แย่ที่สุดสำหรับคุณ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
นายแพทย์อลัน นิตต์เลอร์ ผู้ประพันธ์หนังสือเรื่อง A New Breed of Doctor ได้กล่าวเน้นไว้ว่า ทุกคนที่อายุสี่สิบปีขึ้นไปควรรับประทานกรดไฮโดรคลอริกเสริม
บีเทนไฮโดรคลอริกและกรดกลูตามิกไฮโดรคลอริก เป็นรูปที่ดีที่สุดหากคุณจะหากรดนี้มารับประทานเสริม
ข้อควรระวังของเอนไซม์
หากคุณมีแผลในกระเพาะอาหาร ปรึกษาแพทย์ของคุณก่อนเริ่มรับประทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเภทนี้
หากคุณเห็นว่าบทความนี้มีประโยชน์และอยากอ่านเกี่ยวกับหัวข้อนี้เพิ่มเติม สามารถสนับสนุน ดร.เอิร์ล มินเดลล์ (ผู้แต่ง) พญ. ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (แปล) ได้โดยการซื้อหนังสือวิตามินไบเบิล