มะเร็งชนิดใดบ้างที่เกิดจากแป๊ปปิโลมาไวรัส (papillomavirus, HPV)

เผยแพร่ครั้งแรก 3 เม.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 4 นาที
มะเร็งชนิดใดบ้างที่เกิดจากแป๊ปปิโลมาไวรัส (papillomavirus, HPV)

ไม่ใช่แค่มะเร็งปากมดลูกเท่านั้น ไวรัส HPV สามารถก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่นได้อีกด้วย

แป๊ปปิโลมาไวรัส หรือ ไวรัส HPV เกิดจากติดต่อทางเพศสัมพันธ์และเป็นสาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกในเพศหญิง เชื้อ HPV คือกลุ่มเชื้อไวรัสที่ประกอบไปด้วยไวรัสกว่า 200 สายพันธุ์ และอย่างน้อย 40 สายพันธุ์ที่สามารแพร่กระจายได้โดยการสัมผัสทางผิวหนัง เชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านทางเพศสัมพันธ์หรือผ่านผิวหนังและเยื่อเมือกของผู้ที่ติดเชื้อ โดยเชื้อนั้นไม่เพียงแต่เกิดในเพศหญิงเท่านั้น เชื้อสามารถแพร่ไปสู่เซลล์อื่นได้เช่นกัน ไม่เพียงแค่เซลล์ปากมดลูก ดังนั้นเพศชายจึงสามารถติดเชื้อ HPV ได้เช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม นอกจากโรคมะเร็งปากมดลูกแล้ว เชื้อ HPV ยังสามารถก่อให้เกิดมะเร็งชนิดอื่นได้เช่นกัน ดังนี้. 

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

  • มะเร็งปากมดลูก การติดเชื้อบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ไม่ได้ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกเสมอไป แต่อาจเกิดเป็นหูด หรือรอยโรคอื่นได้ แต่หากติดเชื้อไวรัสชนิด  HPV-16 และ  HPV-18 มากกว่า 70% จะก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกขึ้น การสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อผู้ที่ติดเชื้อ  HPV อยู่แล้วให้เกิดเป็นมะเร็งได้
  • โรคมะเร็งอวัยวะเพศหญิง เกิดจากเชื้อ HPV ได้เช่นกัน 65% ของโรคมะเร็งชนิดนี้เกิดจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ HPV-16 และเนื่องจากเป็นเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์กลุ่มเสี่ยงจึงเป็นผู้หญิงที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • โรคมะเร็งทวารหนัก (Anal cancer) ในเพศชาย ประมาณ 65%เป็นโรคมะเร็งทวารหนักที่เกิดจากเชื้อ HPV โดยสายพันธุ์ก่อโรคหลักคือ HPV-16 และเกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
  • โรคมะเร็งอวัยวะเพศชาย (Penile cancer) ประมาณ 35 % ของเพศชายเกิดมะเร็งชนิดนี้ผ่านการติดเชื้อ HPV และเชื้อสายพันธุ์ก่อนโรคคือ HPV-16 และเช่นเดิมเกิดจากการติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • มะเร็งของ หู คอ จมูก (Head and Neck Cancer) หลายคนอาจคิดว่าเชื้อ HPV ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ดังนั้นมะเร็งที่อาจเกิดขึ้นได้จะต้องอยู่ในบริเวณระบบสืบพันธุ์ แต่จริงๆแล้ว เชื้อ HPV สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งหู คอ จมูกได้เช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณช่องปากและลำคอ เพดานอ่อน โคนลิ้น หรือ ต่อมทอนซิลก็ได้ ซึ่ง 70% ของผู้ป่วยมีสาเหตุจากการทำกิจกรรมทางเพศโดยใช้ปาก

แป๊ปสเมียร์เป็นวิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่เหมาะสมหรือไม่

แป๊ปเทสต์ โดยมากเกิดความผิดพลาดในการตรวจหามะเร็งปากมดลูกได้มากกว่าวิธีการตรวจหาเชื้อ HPV

มะเร็งปากมูดลูกสามารถเกิดได้ในหญิงวัยเจริญพันธุ์ นอกเหนือจากนั้นคือการสูบบุหรี่ มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน มีบุตรหลายคน การใช้ยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน เป็นผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวี และมีเชื้อ HPV ในร่างกาย ก็เป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ โดยหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่มีเพศสัมพันธ์แล้วทุกคนควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก แป๊ปสเมียร์เป็นวิธีแนะนำ ในการตรวจคัดกรองหามะเร็งปากมดลูก แต่อย่างไรก็ตามแปปสเมียร์แท้จริงแล้วเหมาะสมหรือไม่

แป๊ปสเมียร์เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมาก แต่แป๊ปสเมียร์แท้จริงแล้วเกิดความผิดพลาดในการตรวจหามะเร็งปากมดลูกได้มากกว่าวิธีการตรวจหาเชื้อ HPV โดยมีข้อมูลว่าวิธีการตรวจหาเชื้อ HPV นั้นมีความไวต่อการตรวจหาเชื้อในบริเวณจำกัดและจำเพาะเจาะจง แต่จะไม่ไวต่อการตรวจเชื้อในบริเวณกว้าง ด้วยข้อจำกัดนี้จึงควรตรวจด้วยวิธีการทั้ง 2 วิธีร่วมกัน และควรตรวจคัดกรองทุก 5 ปี

วิธีการใดเป็นวิธีที่เหมาะสมในการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกนั้นจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน โดยข้อสำคัญคือถ้าตรวจพบโรคมะเร็งได้เร็วก็จะทำให้มีอัตราการรอดชีวิตสูงขึ้นถึง 91% งานวิจัยพบว่าประมาณ 80% ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกนั้นไม่เคยผ่านการตรวจคัดกรองมาก่อน การตรวจคัดกรองนั้นมีได้หลายวิธี วิธีที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคนแต่หากตรวจพบเชื้อ HPV ได้เร็วจะทำให้ได้รับการรักษาเร็ว เช่นหูดที่เกิดจากเชื้อ HPV ก็จะหายได้ ยังไม่มีวิธีการรักษาที่หายขาดดังนั้นการพบเชื้อเร็วก็ลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้มาก

มะเร็งปากมดลูก แป๊ปสเมียร์ และวิธีการตรวจอื่นๆ 

เพราะโรคมะเร็งปากมดลูกนั้นไม่มีอาการ การตรวจคัดกรองและวินิจฉัยนั้นจึงทำได้ยาก วิธีที่จะทำให้เกิดโรคน้อยลงคือวิธีการหมั่นสังเกตและตรวจคัดกรอง โดยวิธี แป๊ปสเมียร์ และตรวจหาเชื้อ HPV

การตรวจโดยวิธีแป๊ปสเมียร์คืออะไร

แป๊ปสเมียร์ หรือ Papanicolaou (Pap) Smear คือการทดสอบคัดกรองหาเซลล์มะเร็งในบริเวณปากมดลูกก่อนที่จะเกิดมะเร็งขึ้น และจะช่วยตรวจหาอาการต่างๆที่อาจนำไปสู่การเกิดมะเร็งได้ ซึ่งการตรวจแป๊ปสเมียร์จะทำร่วมกับการตรวจภายใน โดยจะเก็บตัวอย่างจากปากมดลูกแล้วนำมาส่องใต้กล้องจุลทรรศน์

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!

จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง

ควรรับการตรวจคัดกรองครั้งแรกเมื่อใด

แนะนำให้ตรวจแป๊ปสเมียร์ทุกๆ 2 ปี โดยเริ่มตรวจเมื่อมีอายุ 21 ปี โดยหากพบความผิดปกติต่างๆหลังจากการตรวจ ไม่จำเป็นต้องหมายถึงการเป็นโรคมะเร็ง แจ่อาจเป็นการอักเสบ หรือเป็นโรคติดต่าทางเพศสัมพันธ์ก็ได้

ความถี่ในการตรวจแป๊ปสเมียร์

ควรไปพบแพทย์เพื่อรับฟังคำแนะนำจากแพทย์ว่าควรเริ่มตรวจเมื่ออายุเท่าใด และความถี่ที่เหมาะสมกับเรา และควรหยุดตรวจคัดกรองเมื่อใด โดยมีข้อแนะนำดังนี้

  • หากมีอายุน้อยกว่า 21 ปี ควรรับการตรวจคัดกรองครั้งแรกเมื่ออายุครบ 21 ปี และตรวจซ้ำทุก 2 ปี และเมื่อมีอายุครบ 30 ปีโดยมีผลตรวจเป็นปกติติดต่อกัน 3 ครั้ง จึงสามารถเว้นการตรวจคัดกรองเป็นตรวจซ้ำทุก 3 ปีแทน
  • หากมีอายุมากกว่า 65 ปี และมีผลการตรวจแป๊ปสเมียร์ปกติ อาจไม่จำเป็นต้องตรวจซ้ำในอนาคต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคำแนะนำของแพทย์
  • หากเคยได้รับการตัดมดลูกออก และการตัดออกนั้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากมะเร็ง ก็ไม่จำเป็นต้องมีการตรวจคัดกรอง

การตรวจคัดกรองโดยวิธีตรวจหาเชื้อ HPV ใช้ตรวจติดตามการผิดปกติของเซลล์โดยร่วมกับวิธีแป๊ปสเมียร์ โดยควรแนะนำให้หญิงอายุ 21-30 ปีทุกคนรับการตรวจนี้

วิธีการตรวจคัดกรองอื่นๆ ได้แก่

  • การส่องกล้องตรวจปากมดลูกด้วยคอลโปสโคป (Colposcopy) ซึ่งเป็นกล้องที่มีแสงและกำลังขยายเพื่อส่องมองเซลล์ภายในอวัยวะเพศและเซลล์ปากมดลูกโดยไม่ได้ส่องกล้องเข้าไปในอวัยวะเพศ
  • การตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) เป็นการตัดชิ้นเนื้อบริเวณมดลูก โดยมีการให้ยาชา และนำชื้นเนื้อมาตรวจหาและส่องดูภายใต้กล้องจุลทรรศ์เพื่อหาเซลล์ที่ผิดปกติ โดยวิธีการตรวจนี้อาจทำให้เลือดออกหรือปวดท้องคล้ายปวดประจำเดือน แต่หายได้อย่างรวดเร็ว
  • การเอ็กซ์เรย์ช่องอก, ตรวจซีทีสแกน , เอ็มอาร์ไอ และการตรวจแพ็ท (Chest X-rays, CT scan, MRI, PET) การสแกนด้วยวิธีเหล่านี้สามารถนำมาช่วยหาระยะของการเป็นมะเร็งปากมดลูกได้ และทราบว่ามีการลุกลามไปที่บริเวณอื่นหรือไม่

 

 

 


13 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Human papillomavirus (HPV) and cervical cancer. World Health Organization (WHO). (https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/human-papillomavirus-(hpv)-and-cervical-cancer)
Human Papillomavirus (HPV) and Cancer. Centers for Disease Control and Prevention (CDC). (https://www.cdc.gov/cancer/hpv/index.htm)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป
มะเร็งปากมดลูก: สาเหตุ อาการ การวินิจฉัย การรักษา และ วัคซีนป้องกัน
มะเร็งปากมดลูก: สาเหตุ อาการ การวินิจฉัย การรักษา และ วัคซีนป้องกัน

รู้จักสาเหตุของมะเร็งปาดมดลูก วิธีรักษา และข้อควรรู้อื่นๆ เพื่อป้องกันโรคดังกล่าวอย่างมีประสิทธิภาพ

อ่านเพิ่ม
มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer)
มะเร็งปากมดลูก (Cervical cancer)

รู้จักมะเร็งปากมดลูกในทุกแง่มุม ทั้งสาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง วิธีการรักษา ทำความเข้าใจและป้องกันก่อนจะสายเกินไป

อ่านเพิ่ม
ThinPrep Pap Test นวัตกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก
ThinPrep Pap Test นวัตกรรมตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี ThinPrep Pap Test ซึ่งให้ผลแม่นยำกว่าการตรวจแปปสเมียร์ดั้งเดิม

อ่านเพิ่ม