ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Overactive thyroid หรือ Hyperthyroidism) คือภาวะความผิดปกติของฮอร์โมนที่มีมากเกินไป ทำให้ร่างกายมีกระบวนการเผาผลาญที่มากขึ้น และทำให้เกิดอาการต่างๆ ขึ้น เช่น ตื่นเต้นและวิตกกังวล อยู่ไม่สุข น้ำหนักลด และต่อมไทรอยด์บวมโต
ผู้หญิงจะมีโอกาสเป็นภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกินมากกว่าผู้ชาย 10 เท่า ส่วนมากผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการครั้งแรกในอายุระหว่าง 20-40 ปี แต่ก็อาจพบได้ในทุกช่วงอายุ รวมถึงในเด็กด้วย นอกจากนี้ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ยังถูกพบบ่อยที่สุดในชาวเอเชียและคนผิวขาว แตพบได้น้อยในผู้คนแถบแอฟริกาแคริปเปียน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
อาการของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน ทำให้ผู้ป่วยมีอาการมากมาย ดังนี้
- อยู่ไม่สุข ตื่นเต้น และวิตกกังวลตลอดเวลา
- นอนไม่หลับ (insomnia)
- คอบวมจากการโตขึ้นของต่อมไทรอยด์
- หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ หรือหัวใจเต้นเร็ว
- รู้สึกเหน็ดเหนื่อยตลอดเวลา และกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ปวดอุจจาระหรือปวดปัสสาวะบ่อยครั้ง
- มีไขมันในอุจจาระมาก จนทำให้อุจจาระมีความมันเหนียวและไหลทิ้งชักโครกยาก (Steatorrhoea)
- เล็บหลุดออกจากเนื้อเยื่อใต้เล็บ (Nail Beds)
- อ่อนไหวต่อความร้อนและเหงื่อออกมาก
- น้ำหนักลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ หรือประจำเดือนขาด
- มีบุตรยาก (infertility)
- ความต้องการทางเพศลดลง
- ใบหน้าและแขนขากระตุก
หากป่วยเป็นเบาหวาน (Diabetes) ร่วมด้วย อาการบางอย่างจากโรคเบาหวาน เช่น กระหายน้ำรุนแรง และเหน็ดเหนื่อย อาจมีมากขึ้นกว่าเดิม
ส่วนผู้หญิงตั้งครรภ์ที่ถูกวินิจฉัยว่ามีภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน จะมีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ระหว่างตั้งครรภ์และคลอดบุตร เช่น แท้งบุตรหรือภาวะพิษครรภ์ (Eclampsia) และยังเสี่ยงต่อการคลอดบุตรก่อนกำหนด รวมถึงทำให้ทารกมีน้ำหนักแรกเกิดต่ำได้อีกด้วย
สาเหตุของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน จะเกิดขึ้นเมื่อต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมน Thyroxine หรือ Triiodothyronine ออกมามากเกินไป ซึ่งอาจเกิดจากภาวะหรือโรคต่างๆ ดังต่อไปนี้
- โรคคอพอกตาโปน (Graves' disease) : เป็นสาเหตุของภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกินที่พบได้ทั่วไป จัดอยู่ในกลุ่มโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เพราะเข้าโจมตีต่อมไทรอยด์จนทำให้ต่อมมีการผลิตฮอร์โมนออกมามากเกิน และยังอาจทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่อดวงตา ทำให้เกิดอาการตาแห้ง อ่อนไหวต่อแสง เห็นภาพซ้อน สูญเสียการมองเห็นบางส่วน หรือดวงตาบวมเบ่งออกจากเบ้าตาอย่างเห็นได้ชัด
- โรคปุ่มเนื้อต่อมไทรอยด์ (Thyroid Nodules) : คือภาวะที่มีปุ่มเนื้อโตขึ้นบนต่อมไทรอยด์ ทำให้เนื้อเยื่อของไทรอยด์ผิดรูปจนส่งผลต่อการผลิต Thyroxine หรือ Triiodothyronine และทำให้เกิดภาวะไทรอยด์ทำงานเกินในที่สุด
- อาหารเสริมไอโอดีน : ไอโอดีนมีส่วนช่วยให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมน thyroxine กับ triiodothyronine ออกมา แต่ถ้ารับประทานอาหารเสริมไอโอดีนมากเกินก็สามารถทำให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากขึ้นจนเกิดปัญหาตามมา ภาวะนี้เรียกว่าภาวะไทรอยด์เกินจากการบริโภคไอโอดีน (Iodine-Induced Hyperthyroidism)
- Amiodarone : เป็นยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะ (Anti-Arrhythmic) ที่ประกอบไปด้วยไอโอดีน สามารถทำให้เกิดภาวะไทรอยด์เกินบางประเภทที่มีความรุนแรงและรักษาได้ยาก เนื่องจากไปสร้างผลเสียต่อเนื้อเยื่อต่อมไทรอยด์ โดยภาวะไทรอยด์เกินประเภทนี้เรียกว่า Amiodarone-Induced Hyperthyroidism
- มะเร็งต่อมไทรอยด์ชนิดฟอลลิคูลา : เกิดจากมะเร็งไทรอยด์ที่เริ่มใน Thyroid Follicles ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ หากเซลล์มะเร็งในต่อมไทรอยด์เริ่มผลิต Thyroxine หรือ Triiodothyronine ออกมา
การวินิจฉัยภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
หากแพทย์คาดว่าคุณอาจมีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน จะมีการวินิจฉัยโดยการตรวจเลือดเพื่อประเมินว่าต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดีเพียงไหน โดยการตรวจประเภทนี้เรียกว่าการทดสอบการทำงานของต่อมไทรอยด์ (Thyroid Function Tests) ซึ่งแพทย์จะนำตัวอย่างเลือดไปทดสอบหาระดับของ Thyroid-Stimulating Hormone (TSH) และ Thyroxine and Triiodothyronine (the Thyroid hormones)
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
หากมีภาวะไทรอยด์ทำงานเกินจริง ระดับของ TSH ในเลือดจะมีค่าที่ต่ำกว่าปกติ แต่จะพบระดับของ Thyroxine กับ Triiodothyronine ที่สูงกว่าปกติ
แต่ในบางกรณี ผลการตรวจอาจแสดงให้เห็นระดับของฮอร์โมนไทรอยด์ที่เป็นปกติ แต่มีค่า TSH ที่ต่ำหรือลดลง ภาวะเช่นนี้เรียกว่าภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกินแบบไม่แสดงอาการ (Subclinical Overactive Thyroid Gland) ที่ไม่จำเป็นต้องมีการรักษาใดๆ เนื่องจากอาการจะกลับสู่ปกติภายในเวลา 2-3 เดือนได้เอง
หากผลการทดสอบยืนยันว่าคุณมีภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน อาจต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมด้วยการสแกนไอโซโทปไทรอยด์ (Isotope Thyroid Scan) โดยให้คนไข้กลืนสารแผ่รังสีปริมาณน้อยเข้าไป ซึ่งมักจะเป็น Technetium ในรูปของแคปซูลหรือของเหลว จากนั้นจะมีการสแกนเพื่อวัดว่ามีไอโซโทปถูกไทรอยด์ดูดซับไปมากน้อยเพียงไหน หากต่อมไทรอยด์ดูดไอโซโทปในปริมาณมาก จะหมายความว่าสาเหตุของภาวะนี้ เกิดจากโรคคอพอกตาโปนหรือปุ่มเนื้อบนไทรอยด์
แต่ถ้าหากมีปริมาณที่ถูกดูดซับน้อย สาเหตุของภาวะนี้อาจเกิดจากอาการบวมของต่อมไทรอยด์ (Thyroiditis) การรับประทานไอโอดีนมากเกินไป หรือเกิดจากมะเร็งไทรอยด์
การรักษาภาวะต่อมไทรอยด์เกิน
การรักษาภาวะไทรอยด์ทำงานเกินที่นิยมดำเนินการกันอย่างแพร่หลาย มีดังนี้
- Thionamides : เช่น Carbimazole หรือ Propylthiouracil เป็นกลุ่มยาที่ยับยั้งการผลิตฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์ แต่อาจต้องใช้ยาเป็นเวลานาน 4-8 สัปดาห์จึงจะเห็นผล เมื่อกระบวนการผลิตฮอร์โมนอยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว แพทย์จะค่อย ๆ ปรับขนาดยาที่ใช้ลง อาจพบผลข้างเคียง เช่น ผื่นคัน หรือปวดข้อต่อได้บ้าง แต่จะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อร่างกายปรับตัวได้ แต่ถ้าหากใช้ยาแล้วพบแผลในปาก มีไข้ เลือดออกตามเหงือก และหายใจไม่ออก ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
- Beta-blockers : เช่น Propranolol หรือ Atenolol สามารถบรรเทาอาการของภาวะไทรอยด์ทำงานเกินได้ และยังช่วยบรรเทาอาการตัวสั่น หัวใจเต้นเร็ว และอยู่ไม่สุข อาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยคือ คลื่นไส้ เหนื่อยง่าย มือเท้าเย็น และนอนไม่หลับ
- การรักษาด้วยการแผ่รังสีไอโอดีน (Radioiodine treatment) : การรักษาด้วยรังสีจะเป็นทั้งการดื่มหรือกลืนแคปซูลสารแผ่รังสีเข้าไป โดยปริมาณรังสีที่แผ่ออกมาจะมีอยู่ต่ำมากจนไม่เป็นอันตรายใดๆ ต่อร่างกาย ซึ่งรังสีจากไอโอดีนสามารถลดขนาดของต่อมไทรอยด์ลงและช่วยลดปริมาณการผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ลง วิธีนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือผู้ให้นมบุตร บางครั้งแพทย์อาจให้รักษาด้วย Thionamides ในระยะสั้นก่อนรักษาด้วยรังสีไอโอดีน เพราะจะช่วยให้การรักษารังสีลดความรุนแรงของอาการได้เร็วขึ้น
- การผ่าตัด : การผ่าตัดกำจัดต่อมไทรอยด์บางส่วนหรือทั้งหมด เป็นวิธีการรักษาหากว่าต่อมไทรอยด์มีอาการบวมรุนแรง รวมถึงผู้ป่วยที่ไม่สามารถรักษาด้วยรังสีได้เพราะกำลังตั้งครรภ์และไม่สมัครใจรับประทานยา Thionamides และผู้ป่วยมีอาการจากภาวะไทรอยด์กลับมาหลังสิ้นสุดการรักษาด้วยยา thionamides จนสำเร็จไปแล้ว แม้การรักษาแบบนี้จะช่วยลดปัญหาการกลับมาเป็นซ้ำ แต่ผู้ป่วยจะต้องรับประทานยาชดเชยฮอร์โมนไปตลอดชีวิต
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
Thionamides หรือการรักษาด้วยการแผ่รังสีไอโอดีน แบบไหนดีกว่ากัน?
การเลือกวิธีการรักษาระหว่าง Thionamides กับการรักษาด้วยรังสีไอโอดีน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น อายุ อาการ และปริมาณของฮอร์โมนไทรอยด์ส่วนเกินที่พบในเลือด แต่บางครั้งคนที่ต้องตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาก็คือคนไข้ จึงได้มีการเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆ ดังนี้
วิธีการรักษา |
ข้อดี |
ข้อเสีย |
Thionamides |
|
|
การรักษาด้วยรังสีไอโอดีน |
|
|
ดูแพ็กเกจตรวจสุขภาพ เปรียบเทียบราคา โปรโมชันล่าสุดจากโรงพยาบาลและคลินิกชั้นนำได้ที่นี่ หรือไม่พลาดทุกการอัปเดตแพ็กเกจเหล่านี้ เมื่อกดเป็นเพื่อนทางไลน์ @hdcoth และกดดาวน์โหลดแอป iOS และ Android