เมื่อลักษณะทางกายภาพไม่สอดคล้องกับสภาพทางจิตใจ นอกจากการศัลยกรรมแล้ว การใช้ยาก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จำเป็นสำหรับสาว ๆ ข้ามเพศ โดยมีวัตถุประสงค์ในการ...
- ลดหรือต้านผลจากฮอร์โมน Testosterone (เทสโทสเตอโรน) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศเดิมในร่างกาย เพื่อลดลักษณะอันไม่พึงประสงค์ ได้แก่ การมีหนวดเครา, ขนดก และศีรษะล้าน, ลดมวลกล้ามเนื้อ, ลดขนาดอัณฑะและการผลิตอสุจิ รวมไปถึงลดการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
- เสริมฮอร์โมน Estrogen (เอสโตรเจน) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศที่ต้องการ เพื่อแสดงลักษณะทางเพศหญิง ได้แก่ เต้านมโต, สะโพกผาย และผิวพรรณเปล่งปลั่ง
ในขณะที่ยาและฮอร์โมนที่มีผลต้านฤทธิ์ฮอร์โมนเพศชาย ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีการใช้ในระยะสั้น ๆ ก่อนผ่าตัดแปลงเพศ แต่สำหรับฮอร์โมนเอสโตรเจน จะต้องมีการใช้ต่อเนื่องในระยะยาวทั้งก่อนและหลังการผ่าตัด เพื่อให้ลักษณะทางกายภาพของเพศหญิงคงอยู่ต่อไป จึงอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายจากยาได้นะคะ
ตรวจระดับฮอร์โมนวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 382 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ความเสี่ยงที่พบได้จากการใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนในหญิงข้ามเพศ ได้แก่...
- การเกิดลิ่มเลือดอุดตัน (Thromboembolism)
- เนื้องอกของต่อมใต้สมองที่สร้างโปรแลคติน (Macroprolactinoma)
- มะเร็งเต้านม (Breast cancer)
- การทำงานของตับบกพร่องอย่างรุนแรง (Severe liver dysfunction) โดยจะพบค่าเอนไซม์ในตับสูงกว่าระดับปกติมากกว่า 3 เท่า
- โรคหัวใจขาดเลือด (Ischemic heart disease)
- โรคหลอดเลือดสมอง (Cerebrovascular disease)
- ปวดศีรษะไมเกรนรุนแรง (Severe migraine headaches)
- งดสูบบุหรี่ เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป และสูบบุหรี่จัด
- งดดื่มแอลกอฮอล์ หรือหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก เนื่องจากอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดตับอักเสบรุนแรงได้
- ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนที่จะใช้ยาหรือสมุนไพรใด ๆ เพราะอาจมีปัญหายาตีกันกับฮอร์โมนที่ใช้อยู่ และทำให้การรักษาไม่ได้ผลดี หรือเกิดอาการอันไม่พึงประสงค์จากยาได้มากขึ้น
- หากมีอาการปวดศีรษะรุนแรงหรือบ่อยครั้ง, การมองเห็นผิดปกติ, น้ำนมไหล, ตัวเหลืองตาเหลือง หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและพิจารณาการรักษาที่เหมาะสมนะคะ
แล้วจะป้องกันหรือลดความเสี่ยงนั้นได้อย่างไร?!?
- ใช้ยาโดยอยู่ในความดูแลของแพทย์
- ปฏิบัติตัวอย่างเหมาะสม
- ตรวจติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ
แม้ว่ายาส่วนใหญ่จะสามารถหาซื้อได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ใบสั่งแพทย์ แต่เรื่องของฮอร์โมนเป็นเรื่องซับซ้อน คงไม่อาจรู้อย่างถ่องแท้เพียงแค่อ่านจากบทความในอินเตอร์เน็ตหรอกนะคะ
ส่วนการใช้ยาเองตามเพื่อน ก็เหมือนกับการซื้อชุดแบบเย็บโหลมาใส่ค่ะ ที่แม้ว่าบางคนจะใส่แล้วพอดีตัว แต่เมื่อเทียบกับการตัดเย็บจากช่างเสื้อฝีมือดี ที่ผ่านการวัดขนาดตัวมาโดยเฉพาะ ก็ย่อมจะดูเหมาะดูแพงกว่าอยู่แล้ว
ซึ่งหากเป็นเพียงเสื้อผ้า ถ้าใส่แล้วไม่สวยก็แค่เสียดายเงินนะคะ แต่การใช้ยานี่สิ ถ้าใช้อย่างไม่เหมาะสม นอกจากจะไม่ได้ผลดีตามที่ต้องการแล้ว ยังอาจจะถึงกับเสียชีวิตได้เลย
ดังนั้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุด ไปพบกุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อหรืออายุรแพทย์ต่อมไร้ท่อเพื่อรับการตรวจเพิ่มเติม และพิจารณาการใช้ยาที่เหมาะสมดีกว่าค่ะ
แพทย์จะนัดตรวจติดตามอาการ เพื่อประเมินผลการรักษา และปรับขนาดยา รวมถึงเฝ้าระวัง ป้องกัน และแก้ไขอาการอันไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้น ทุก 2 – 3 เดือนในปีแรก แล้วค่อย ๆ นัดห่างขึ้นจนเป็น 1 – 2 ครั้ง/ปีหากไม่พบอาการแทรกซ้อนใด ๆ
เพื่อความปลอดภัย จึงควรไปรับการตรวจติดตามผลอย่างสม่ำเสมอนะคะ