นอกจากอาการผมร่วง น้ำหนักขึ้น นอนไม่หลับ ซึ่งมักเป็นอาการที่เกิดขึ้นในผู้ที่มีภาวะเครียดแล้ว โรคลำไส้อักเสบ ก็เป็นอีกโรคที่เกิดในผู้ที่มีภาวะเครียดด้วยเช่นกัน และเป็นโรคที่ส่งผลกระทบทำให้เกิดอาการไม่สบายตัว ทรมานระหว่างใช้ชีวิตระหว่างวัน
เรามาดูข้อมูลเกี่ยวกับโรคลำไส้แปรปรวน และวิธีรักษาโรคนี้กัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ความหมายของโรคลำไส้แปรปรวน
โรคลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome: IBS) เกิดจากผู้ที่มักเครียด และสะสมความเครียดอยู่บ่อยๆ สุดท้ายจนสุดท้ายก็ส่งผลกระทบไปถึงกระเพาะอาหาร ประกอบกับการกินอาหารที่ไม่เป็นเวลา รวมถึงการรับประทานอาหารรสจัด
โรคลำไส้แปรปรวนมีอาการหลักๆ ดังต่อไปนี้
- ปวดแน่นท้อง
- ท้องอืด
- แสบท้อง
- มีลมเยอะ
- ลำไส้บีบมวน
- มีอาการคลื่นไส้อาเจียน
- มีการถ่ายแข็ง ถ่ายเหลว หรือทั้งแข็งและเหลวสลับกันไปก็ได้
ผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคลำไส้แปรปรวน
สำหรับคนที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ที่พบบ่อยๆ คือ ผู้หญิงตั้งแต่วัยรุ่น จนถึงวัยกลางคน แต่ก็ไม่เสมอไป เพราะคนที่มีความเครียดไม่ว่าเพศใดอายุใดก็สามารถเป็นได้เหมือนกัน สำหรับโรคนี้เป็นแล้วจะไม่อันตรายถึงชีวิตแต่จะเป็นๆ หายๆ ตลอดชีวิต
คนที่เป็นโรคนี้ส่วนมากมักจะรู้สึกรำคาญ และก็มักจะปรับตัวทำใจกับโรคนี้ได้ในที่สุด แต่ทั้งนี้ ก่อนที่จะสรุปว่าเป็นโรคนี้ได้ ต้องให้หมอทำการตรวจอย่างละเอียดเสียก่อน
เพราะอาการของโรคลำไส้แปรปรวนจะมีอาการคล้ายๆ กับโรคร้ายได้หลายโรค เช่น แผลในกระเพาะอาหาร ลำไส้อักเสบนิ่วในถุงน้ำดี มะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมะเร็งตับ
โรคลำไส้อักเสบคล้ายกับโรคหวัดลงกระเพาะหรือไม่?
มีบางคนสงสัยว่า โรคแปรปรวน มีอาการคล้ายกับโรคหวัดลงกระเพาะจะเป็นโรคเดียวกัน แต่ในความเป็นจริง โรคหวัดลงกระเพาะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ดังนั้นจึงถือว่า โรคหวัดลงกระเพาะอยู่ในกลุ่มอาการการติดเชื้อไวรัสใข้หวัดมากกว่า คือ เมื่อไข้หวัดหายแล้ว อาการเหล่านั้นก็จะหายตามไปด้วยเช่นกัน
วิธีการรักษา
สำหรับวิธีการรักษาโรคนี้ อย่างแรก คือ ผู้ป่วยต้องได้รับการวินิจฉัยจากหมอให้แน่ชัดเสียก่อนว่า ป่วยเป็นโรคนี้แน่นอน แล้วจึงค่อยไปสร้างความคุ้นเคยกับหมอที่ทำการรักษา เนื่องจากโรคนี้เป็นโรคเรื้อรัง ต้องมีหมอที่เชี่ยวชาญ และเข้าใจการรักษาในระยะยาว
หลังจากนั้นจึงให้หมอ รักษาตามอาการต่อไป เช่น หากมีอาการท้องเสียก็ควรงดกินอาหารที่จะสามารถให้เกิดการท้องเสียได้ เช่น ถั่วที่มีแก๊สเยอะๆ หรือถ้ามีอาการท้องผูกให้กินควรอาหารที่มีกากใยเยอะๆ
และหากโรคนี้เกิดจากความเครียด ทางที่ดีควรแก้ที่ต้นเหตุ คือ
- พยายามไม่เครียด
- รู้จักปล่อยวาง
- หมั่นออกไปเจอโลกภายนอก
- คบค้าสมาคมกับเพื่อนใหม่ๆ กลุ่มใหม่ๆ
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ มีกากใยมากๆ ควรมีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่
- หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกน้ำตาล และไขมัน
การเป็นโรคลำไส้แปรปรวนหลังคลอด
หลังจากการตั้งครรภ์ และคลอดลูก ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการต่อไปนี้
- ปวดท้องถ่าย: มีความต้องการที่จะถ่ายเกิดขึ้นทันที
- กลั้นอุจจาระไม่ได้
- อุจจาระเล็ด: รู้สึกปวดท้องถ่ายแต่มักมีอุจจาระเล็ดออกมาก่อนจะสามารถเข้าห้องน้ำได้ทัน
- มีอุจจาระหลังจากถ่าย: มีอุจจาระไหลออกมาหลังจากการถ่ายเสร็จสิ้นไปแล้ว ถือเป็นรูปแบบความผิดปกติทางการกลั้นอุจจาระที่พบได้น้อยที่สุด
ปัจจัยทำให้อาการโรคลำไส้แปรปรวนหลังคลอดเกิดขึ้น
มีปัจจัยหลายอย่างที่เพิ่มความเสี่ยงของการมีปัญหาปวดท้องถ่าย หรือปัญหาการกลั้นอุจจาระหลังจากคลอดลูก
- ความเสี่ยงสูงขึ้นในผู้ที่คลอดลูกครั้งแรก ความเสี่ยงนี้จะลดลงเมื่อคลอดลูกคนถัดไป
- มีการทำลายกล้ามเนื้อหูรูดทวารหนักขณะคลอด
- เมื่อมีการตัดฝีเย็บ งานวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้มีจำนวนจำกัดเนื่องจากมีผู้ที่เกี่ยวข้องน้อยหหรือไม่สามารถแยกความแตกต่างระหว่างประเภทของแผลที่เกิดขึ้นในงานวิจัยที่เคยทำมาก่อน
แต่พบว่า มีหลักฐานบางอย่างที่ระบุว่าผู้หญิงที่มีแผลตัดฝีเย็บระดับ 4 และมีการฉีกขาดจะเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุด โดยน่าจะเกิดจากการที่โดนกล้ามเนื้อของทวารหนัก อย่างไรก็ตาม ปัญหาเกี่ยวกับอาการปวดท้องอาจเกิดขึ้นโดยไม่มีการตัดฝีเย็บ หรือแผลฉีกขาดได้ - เมื่อมีการใช้ Forceps ระหว่างการคลอด
- เพิ่งผ่านการตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดกล้ามเนื้อในอุ้งเชิงกรานไม่ทำงานซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดปัญหาด้านการกลั้นอุจจาระ
จะป้องกันปัญหาระยะยาวขากได้อย่างไร?
ปัญหาด้านการกลั้นอุจจาระจากการตั้งครรภ์ และการคลอดลูกนี้อาจเกิดได้หลายปีหลังจากการคลอด แต่มีวิธีที่คุณจะสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดปัญหาระยะยาว โดยคุณควร...
- รักษาน้ำหนักให้เหมาะสม
- เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและถูกหลักโภชนาการ
- ไม่สูบบุหรี่
จะเห็นได้ว่า โรคลำไส้แปรปรวนไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับผู้ที่มีภาวะเครียดเท่านั้น แต่ยังสามารถก่ออันตรายได้กับผู้ป่วยกลุ่มอื่นๆ ด้วย ทางที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคนี้ขึ้นกับตนเอง คุณควรรักษาระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายของตนเองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
วิธีการดูแลระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายของตนเองก็แสนง่าย เพียงรับประทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ หมั่นดื่มน้ำให้เพียงพอ สภาพจิตใจให้สดใสเสมอ เพียงเท่านี้ระบบทั้ง 2 ระบบของร่างกายก็จะทำงานได้อย่างคล่องตัว ไม่สร้างความรู้สึกสบายตัวให้กับคุณ
ทำไม่ ต้องอ้วนลงพุ่งค่ะ