การฝึกแบบเว้นช่วงเป็นหนึ่งในรูปแบบการออกกำลังกายที่มาแรงในหลายปีที่ผ่านมา เมื่อผู้เชี่ยวชาญค้นพบว่ามันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพและเพียงพอในการออกกำลังกาย มันเป็นวิธีที่ดีมากในการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน สร้างความแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว และทำให้การออกกำลังกายนั้นเป็นเรื่องที่น่าสนใจเนื่องจากคุณจะได้ออกกำลังกายที่ต้องใช้พลังงานอย่างมากสลับกับมีช่วงเวลาพักผ่อน
ข้อดีของการออกกำลังกายแบบเว้นช่วง
การออกกำลังกายแบบเว้นช่วงนั้นมีแนวโน้มที่จะเป็นวิธีการฝึกฝนที่มีประสิทธิภาพมากกว่าการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอสม่ำเสมอ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การออกกำลังกายในระดับที่มากเกินไปแม้ว่าจะเป็นเวลาเพียงแค่ 30-60 วินาทีนั้นก็ทำให้ร่างกายของคุณเข้าสู่การเผาผลาญพลังงาน ดังนั้นคุณจะสามารถลดเวลาออกกำลังกายแต่กลับได้ประโยชน์มากขึ้น
ข้อดีของการฝึกแบบนี้ ได้แก่
- เผาผลาญพลังงานได้มากกว่า – ยิ่งคุณออกกำลังกายหนักขึ้นเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งเผาผลาญพลังงานได้มากขึ้นเท่านั้น ซึ่งเป็นข้อดีหากเป้าหมายของคุณคือการลดน้ำหนัก
- เพิ่มความแข็งแรงได้เร็วขึ้น – การออกกำลังกายในระดับที่หนักกว่าแม้จะเป็นเวลาสั้น ๆ ก็สามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับคุณได้ คุณจะรู้สึกว่าการออกกำลังกายรูปแบบอื่นนั้นง่ายขึ้นหลังจากออกกำลังกายแบบนี้
- เพิ่มการเผาผลาญหลังจากการออกกำลังกาย – ร่างกายคุณจะสามารถเผาผลาญพลังงานได้เพิ่มเติมในช่วงเวลาหนึ่งหลังจากการออกกำลังกาย ก่อนที่จะกลับสู่ระดับปกติ
- เพิ่มความหลากหลายให้กับการออกกำลังกาย – หากคุณมักออกกำลังกายรูปแบบเดิม ๆ ตลอดเวลาแล้ว การออกกำลังกายแบบเว้นช่วงนี้จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศให้กับรูปแบบการออกกำลังของคุณ เพราะการออกกำลังกายรูปแบบนี้มีหลากหลายและคุณก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกสัปดาห์หากต้องการ
- คุ้มกับเวลาที่ใช้มากกว่า - ยิ่งคุณออกกำลังกายหนักขึ้นเท่าไหร่ คุณก็จะใช้เวลาในการออกกำลังกายน้อยลงเท่านั้น ดังนั้นคุณอาจจะใช้เวลาเพียง 20-30 นาทีในการออกกำลังกายแบบนี้ซึ่งเทียบเท่ากับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอได้เป็นอย่างดี ทำให้คุณเหลือเวลามากขึ้นสำหรับสิ่งอื่นในชีวิตของคุณ
ประเภทของการออกกำลังกายแบบเว้นช่วง
ช้อดีของการออกกำลังกายแบบเว้นช่วงนั้นคือ คุณสามารถเลือกรูปแบบการออกกำลังกายได้หลากหลายซึ่งจะให้ผลที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น
- การวัดช่วงเวลาทำงาน – ทางเลือกหนึ่งนั้นก็คือการวัดช่วงเวลาทำงาน ตามด้วยการวัดช่วงเวลาพัก ตัวอย่างเช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก 1 นาที (เช่น การวิ่งเร็ว) ตามด้วยการออกกำลังกายแบบเบา 2 นาที (เช่น การเดิน) และสลับกันไปจนครบ 15-30 นาที
- เพิ่มสัดส่วนในการออกกำลังกายต่อการพัก – ทางเลือกนี้จะทำให้คุณออกกำลังกายนานกว่าเวลาพัก เช่น ออกกำลังกาย 30 วินาทีตามด้วยการพัก 1นาที นี่เป็นทางเลือกที่ดีหากคุณเพิ่งเริ่มต้นหรือต้องการออกกำลังกายทีละช่วงสั้น ๆ
- ลดสัดส่วนในการออกกำลังกายต่อการพัก – รูปแบบนี้จะเป็นการลดช่วงเวลาพักและเพิ่มเวลาออกกำลังกาย เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายขั้นสูงหรือหากต้องการเผาผลาญพลังงานและสร้างความแข็งแรงมากขึ้น
- ช่วงเวลาเผาผลาญแบบไม่ใช้ออกซิเจน – อีกทางเลือกหนึ่งคือการออกแบบช่วงเวลาต่าง ๆ ตามระดับความหนักของการออกกำลังกาย โดยการออกกำลังกายแบบที่เกิดการเผาผลาญโดยไม่ใช้ออกซิเจนนั้นเป็นช่วงที่หนักที่สุด หมายถึงช่วงที่คุณออกกำลังกายหนักมากจนกระทั่งไม่สามารถใช้ออกซิเจนได้ นี่อาจเทียบเท่ากับการออกกำลังกายระดับ 9 ในตาราง Perceived Exertion Chart การออกกำลังกายแบบนี้ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น แต่ดีมากสำหรับผู้ที่เชี่ยวชาญและต้องการการออกกำลังกายที่หนักมากขึ้น
- ช่วงเวลาเผาผลาญแบบใช้ออกซิเจน - เป็นสิ่งที่ตรงข้ามกับข้อที่แล้ว มันเป็นการทำให้คุณออกกำลังกายอยู่ในระดับปานกลาง คุณสามารถออกกำลังกายแบบนี้ได้ในเวลาที่นานขึ้น จึงเป็นสิ่งที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นที่ยังไม่พร้อมกับการออกกำลังกายหนัก
- ออกกำลังกายโดยไม่จับเวลา – คุณสามารถออกกำลังกายโดยไม่จับเวลา ตัวอย่างเช่น หากคุณอยู่ข้างนอก คุณอาจวิ่งหรือเดินเร็วในระยะทางหนึ่งก่อนที่จะวิ่งช้าลงเพื่อพักและกลับไปวิ่งเร็วอีกครั้งเมื่อคุณรู้สึกพร้อม นี่ทำให้คุณสามารถควบคุมความหนักและระยะเวลาในการออกกำลังกายได้
ข้อควรระวัง
ควรระลึกไว้ว่าหากคุณออกกำลังกายในระดับที่หนัก คุณอาจจะใช้การออกกำลังกายรูปแบบนี้ได้เพียง 2-3 วันที่ไม่ติดต่อกันในแต่ละสัปดาห์ ร่างกายของคุณต้องการการพักผ่อนหลังจากออกกำลังกายอย่างหนัก ดังนั้น อย่าให้การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพย้อนกลับมาทำร้ายตัวคุณเอง
ในความจริงแล้วมันเป็นความคิดที่ดีในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการออกกำลังกายไปในแต่ละสัปดาห์ ตัวอย่างเช่น คุณอาจเริ่มต้นสัปดาห์ด้วยการออกกำลังกายแบบเว้นช่วงในระดับหนักก่อนที่จะเลือกออกกำลังกายระดับกลางในวันต่อไป การออกกำลังกายแบบหนักของคุณควรจะสั้นกว่าการออกกำลังกายแบบปานกลาง