พวกเราทุกคนมีเป้าหมาย พวกเราบางคนคืบหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างขยันขันแข็ง แต่สำหรับที่เหลือนั้น เอาเป็นว่าพวกเรามีอุปสรรคระหว่างทาง หรือในบางกรณีก็จัดว่าถึงทางตันเลยทีเดียว
การไขว่คว้าให้ถึงเป้าหมายเป็นองค์ประกอบสำคัญของความสุข แต่การตั้งเป้าหมายและไปให้ถึงนั้นเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะหากเป้าหมายนั้นต้องใช้ความทุ่มเทอย่างมาก ตั้งเป้าให้ชัดเจนเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการและคงแรงบันดาลใจเอาไว้แม้ว่าทุกอย่างในชีวิตจะถาโถมโหมกระหน่ำและขัดขวางไม่ให้เราไปถึงสิ่งที่ต้องการ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
หากคุณรู้ว่าคุณกำลังขาดศักยภาพที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย การจัดการทางด้านจิตใจสี่อย่างนี้จะช่วยตั้งเป้าและทำให้คุณไปถึงเป้าหมายได้
การตั้งเป้าหมายหมายเลขหนึ่ง: ควบคุมกระบวนการ
สมมติว่าคุณมีเป้าหมายจะลดน้ำหนัก ซึ่งมีวิธีอยู่มากมาย คุณเริ่มเปลี่ยนแปลงอาหาร ออกกำลังกายมากขึ้น แต่หากคุณตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนัก 25 ปอนด์ภายในปลายปีนี้ และคุณกำลังตะเกียกตะกายเพื่อให้เกิดความคืบหน้า คุณอาจกำลังมัวแต่ให้ความสนใจกับผลลัพธ์เพียงอย่างเดียว น้ำหนักของคุณเป็นผลมาจากปัจจัยที่ซับซ้อนหลายอย่าง ทั้งอาหาร การออกกำลังกาย ฮอร์โมน ความเครียด และกรรมพันธุ์ ซึ่งบางอย่างอยู่ในความควบคุมของคุณ แต่บางอย่างก็ไม่ หากคุณยึดติดว่าความสำเร็จของคุณอยู่ที่ผลลัพธ์เท่านั้น คุณก็กำลังหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบโดยตรงในขั้นตอนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังกล่าวอยู่
แต่หากคุณตั้งเป้าหมายเป็นกระบวนการตั้งแต่ก่อนจะเริ่มต้น เมื่อเป้าหมายของคุณเปลี่ยนจาก “ลดน้ำหนัก 25 ปอนด์ก่อนจะถึงสิ้นปี” ไปเป็น “ออกกำลังกายห้าครั้งต่อสัปดาห์ในทุกสัปดาห์” คุณจะได้การควบคุมตัวคุณเองมากขึ้นทันที และมีความเจาะจงมากขึ้นว่า “จะทำอย่างไร” นอกเหนือไปจาก “จะได้อะไร” มุ่งมั่นเข้าไว้นะ !
การตั้งเป้าหมายหมายเลขสอง: ความขัดแย้งกันระหว่างความดีและความชั่ว
การฝันว่าชีวิตจะเป็นอย่างไรหากบรรลุเป้าหมายแล้วทำให้รู้สึกดี การจินตนาการถึงอนาคตที่เป็นไปได้เช่นนี้สามารถช่วยให้เรามอบคุณค่า และตัดสินใจได้ว่าจะเลือกมุ่งไปยังเป้าหมายใด
สิ่งที่การฝันดังกล่าวทำไม่ได้คือช่วยให้เราคืบหน้าไปสู่เป้าหมายจริง ๆ
Gabriele Oettingen นักวิจัยเกี่ยวกับเรื่องเป้าหมายกล่าวว่า เมื่อเราหมกมุ่นอยู่กับผลดีจากการไปถึงเป้าหมาย เรามักจะหลงลืมอุปสรรคที่เราต้องเผชิญเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน เพื่อต้านทานกับแนวโน้มที่จะเป็นไปดังกล่าวและสร้างการควบคุมสถานการณ์ Oettingen ได้พัฒนาเทคนิคที่เป็นที่รู้จักกันในชื่อ mental contrasting ขึ้น
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
มันเป็นวิธีง่าย ๆ เมื่อคุณต้องการสร้างแรงบันดาลใจสำหรับเป้าหมาย ใช้เวลาชั่วครู่คิดถึงผลประโยชน์หลัก ๆ ที่จะได้หนึ่งอย่างเมื่อคุณไปถึงเป้าหมายแล้ว ตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ จินตนาการว่าจะดีแค่ไหนที่ได้ให้การบริการที่ยอดเยี่ยมแก่ลูกค้าและมีคนพูดถึงและกล่าวถึงผลิตภัณฑ์ของคุณหลังจากนั้น ซึ่งการมีขั้นตอนนี้ตามมาเป็นเรื่องสำคัญ คือการเปลี่ยนกลับไปถามตัวเองว่า “หากตัวฉันเองกลายเป็นอุปสรรคต่อผลดีทั้งหลายทั้งปวงที่ว่ามาล่ะ ? ” บางทีคุณอาจจะไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับการเงินทางธุรกิจมากพอ และการขาดความมั่นใจของคุณทำให้คุณไม่สามารถทำการตัดสินใจครั้งสำคัญได้ ในตอนนี้ให้ร่างแผนการเพื่อรับมือกับมัน เช่น การจ้างผู้ให้คำแนะนำทางการเงินหรือการลงเรียนเกี่ยวกับธุรกิจทางออนไลน์
การตั้งเป้าหมายหมายเลขสาม: ให้ความสำคัญกับแรงบันดาลใจก่อน
เมื่อเป้าหมายฟังดูน่าตื่นเต้นเร้าใจ การไปให้ถึงเป้ามักจะกระตุ้นเราได้ไม่ยาก แต่การคงแรงจูงใจเอาไว้ โดยเฉพาะกับเป้าหมายระยะยาว เช่น การเรียนให้จบมหาวิทยาลัยสามารถสร้างความหวาดหวั่นได้
เมื่อภาระหน้าที่หรือกิจกรรมมีความสนุกสนานด้วยตัวของมันเอง เราจะทำงานเพื่องานนั้น (คิดถึงการเล่นบอร์ดเกมหรือพูดคุยกับเพื่อนยาว ๆ ) งานเช่นนี้จะทำให้มีแรงจูงใจภายใน เนื่องจากแรงจูงใจเกิดมาจากตัวงานเอง ระหว่างการไปถึงเป้าหมาย สิ่งเหล่านี้จะช่วยตัวมันเองได้อยู่แล้ว แต่แรงจูงใจจากภายนอกนั้นตรงกันข้าม คือเกิดจากสิ่งกระตุ้นภายนอกทั้งหมด เช่น การหาเงินเพื่อหลีกเลี่ยงความอับอาย ที่ทำให้เรายังคงทำงานที่อาจจะไม่น่าสนุกเท่า และทำให้เราต้องใช้ตัวช่วย
ในขณะที่ยังมีการถกเถียงในทางจิตวิทยาเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างแรงจูงใจจากภายในและภายนอก การรับรู้ว่า “ทำไมคุณถึงต้องทำ” ช่วยให้คุณจดจ่ออยู่กับมันได้ โดยเฉพาะหากเป้าหมายมีขั้นตอนที่ไม่ค่อยจะทำให้คุณตื่นเต้น เช่น ชั้นเรียนเคมีที่คุณหวาดกลัวแต่จำเป็นสำหรับปริญญาด้านพยาบาล คุณต้องเตือนตัวเองถึงภาพรวมไว้ ทำไมคุณถึงต้องไล่ตามเป้าหมายนี้ ? การไปถึงเป้าหมายมีความหมายต่อคุณอย่างไร ?
การให้รางวัลกับด้วยเองด้วยการไปช็อปปิ้งนิดหน่อยเมื่อคุณผ่านแต่ละขั้นมาได้อาจกระตุ้นความต้องการของคุณได้
การตั้งเป้าหมายหมายเลขสี่: เอาชนะการผัดวันประกันพรุ่งโดยจดจ่ออยู่กับสิ่งสำคัญ
แนวโน้มที่จะผัดวันประกันพรุ่งของเราสามารถเกิดได้จากปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่ความกลัวที่จะล้มเหลว หรือความขัดแย้งภายในใจที่เรากำลังเผชิญอยู่จากงานตรงหน้า แต่หากเราหลีกเลี่ยงสิ่งที่จำเป็นสำหรับการไปสู่เป้าหมาย เราก็กำลังปล้นความสำเร็จไปจากตัวเราเองอยู่
กลุ่มนักจิตวิทยาชาวเยอรมันได้ศึกษาเรื่องการผัดวันประกันพรุ่ง และวิธีที่เราคิดเกี่ยวกับงานก่อนที่จะเริ่มมีผลต่อเราอย่างไร พวกเขาแยกสิ่งที่เราคิดเกี่ยวกับงานก่อนจะเริ่มไว้เป็นสองอย่าง คือในเชิงนามธรรมและรูปธรรม ตัวอย่างเช่น หากงานของคุณคือการไปยิมเพื่อออกกำลังกาย การตีความในเชิงนามธรรมจะทำให้คุณจดจ่ออยู่กับความคิดที่ว่าการได้ออกกำลังกายทำให้รู้สึกดีแค่ไหน คุณจะดูเป็นอย่างไรบ้างหลังจากออกกำลังกายได้สองสามเดือน หรือการแข่งขันใดบ้างที่อาจเข้าร่วมหลังจากมีรูปร่างดีขึ้นแล้ว ในทางตรงข้าม การตีความในทางนามธรรมจะชี้นำเราไปยังความคิดที่ว่าจะทำงานนั้นอย่างไร เราอาจดูแผนผังอุปกรณ์ต่าง ๆ ในยิม และตัดสินใจว่าจะใช้อุปกรณ์ใดบ้างเป็นเวลานานเท่าไหร่
ในการวิจัยที่ผู้เข้าร่วมแบ่งเป็นผู้มีทัศนคติในเชิงนามธรรมและรูปธรรม ผู้ที่อยู่ในกลุ่มนามธรรมจะใช้เวลาทำงานให้เสร็จนานกว่าถึง 64% ในช่วงเวลาสองสามสัปดาห์ การมุ่งเป้าไปความสำคัญของสิ่งที่จำเป็นต้องทำและสิ่งที่คุณต้องใช้จะช่วยคุณได้ และการขีดเส้นตายโดยเฉพาะที่ผู้อื่นกำหนดไว้ หรือที่เรากำหนดเองและใช้ร่วมกับผู้อื่นจะช่วยให้เรายังคงทำงานต่อไปได้