การออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรงและมีสุขภาพดี จะส่งผลให้เราแลดูมีเสน่ห์ บุคลิกภาพดี และมีกล้ามเนื้อที่สวยงามพอเหมาะ ทำให้ดูไม่หย่อนคล้อยหรือที่เรียกกันว่า “เฟิร์ม” นั่นเอง ซึ่งใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายเพื่อช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงที่เห็นผลอย่างชัดเจน จนกลายเป็นที่นิยมกันอย่างกว้างขวางก็คือ “การเล่นเวท”
การเล่นเวทคืออะไร
เป็นการออกกำลังกายด้วยวิธีการฝึกใช้น้ำหนักรูปแบบหนึ่ง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งและพัฒนาขนาดของกล้ามเนื้อและโครงร่าง โดยใช้ประโยชน์จากแรงโน้มถ่วงของอุปกรณ์ต่างๆ เช่น บาร์น้ำหนัก, ดัมเบล, หรือกองน้ำหนัก(Weight stack) ให้ต้านแรงกล้ามเนื้อ ด้วยวิธียืดหดผ่านแกนกลางและด้านข้างของอุปกรณ์ หากเพิ่งหัดเล่นเวทควรเริ่มจากการเลือกน้ำหนักเวทที่มีขนาดเบาก่อน เนื่องจากถ้าเริ่มที่น้ำหนักมากๆ อาจส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บได้
คอร์สลดน้ำหนักออกกำลังกาย วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 441 บาท ลดสูงสุด 59%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
วิธีเลือกน้ำหนักเวทให้เหมาะสม
การเลือกน้ำหนักเวทหรืออุปกรณ์สำหรับเล่นเวทในแต่ละคน จะใช้น้ำหนักไม่เท่ากันเพราะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและมวลกล้ามเนื้อของร่างกายแต่ละคน หากผู้เล่นมีน้ำหนักตัวมากย่อมยกอุปกรณ์ที่มีน้ำหนักได้มากกว่ากว่าผู้เล่นที่ตัวเล็กบางหรือมีน้ำหนักตัวน้อยนั่นเอง
- ควรเลือกซื้ออุปกรณ์ดัมเบลที่มีน้ำหนักหลายๆ ขนาด เพื่อจะได้สามารถเริ่มต้นใช้อันที่มีน้ำหนักเบา หรือเลือกซื้อชนิดที่สามารถปรับน้ำหนักได้ ให้มีความเหมาะสมกับความต้องการของผู้เล่นได้อีกเช่นกัน
- กรณีที่เล่นเวทเพื่อจุดประสงค์ในการรักษามวลกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรง ซึ่งไม่ได้ต้องการเพิ่มขนาดของกล้ามเนื้อ ควรเลือกน้ำหนักเวทที่มีขนาดพอเหมาะต่อการทำซ้ำท่าออกกำลังกายให้ได้ 12 – 20 ครั้ง โดยต้องไม่หมดแรงไปเสียก่อน
- กรณีที่เล่นเวทเพื่อจุดประสงค์ในการรักษามวลกล้ามเนื้อและเพิ่มความแข็งแรง ซึ่งไม่ได้ต้องการใช้กล้ามเนื้อจนเหนื่อยหรือหนักมากเกินไป ควรเลือกน้ำหนักเวทที่มีขนาดพอเหมาะต่อการทำซ้ำท่าออกกำลังกายให้ได้ 8 ครั้ง
- เมื่อใดก็ตามที่เล่นเวทจนจบหนึ่งเซตแล้ว โดยไม่ต้องใช้ความพยายามในการยกจนเกินไป ควรจะต้องเพิ่มน้ำหนักหรือเลือกใช้อุปกรณ์การเล่นที่มีน้ำหนักมากขึ้น
อันตรายจากผลของการเล่นเวทหนักเกินไป
เราควรศึกษาหรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้านสุขภาพก่อนเริ่มเล่นเวท เพื่อที่เราจะได้ทราบข้อมูลหรือวิธีการอย่างถูกต้อง อีกทั้งจะได้เลือกน้ำหนักเวทที่เหมาะสมแก่ตัวเอง รวมถึงเล่นเวทไม่ผิดท่าหรือผิดวิธี โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ๆ อาจจะมีอาการปวดเมื่อยในระยะแรก 2 – 3 วัน
แต่หากยังพบว่ายังคงมีอาการปวดตามร่างกายเกิน 1 สัปดาห์ นั่นเป็นสัญญาณจากร่างกายที่บอกว่าเราเล่นเวทหนักจนอาจเกิดอันตรายกับกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ข้อต่อ หรือกระดูก ถ้ายังคงฝืนเล่นต่อไปจะทำให้กล้ามเนื้อตาย ดังนั้นควรหยุดเล่นแล้วรีบไปปรึกษาแพทย์ เนื่องจากอาการที่มักพบหลังจากการเล่นเวทหนักเกินไปมีดังต่อไปนี้
- ปวดหลัง ปวดไหล่ ปวดขา หรือได้รับบาดเจ็บ ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นเล่น ซึ่งเป็นเพราะขาดข้อมูลหรือการฝึกที่ถูกต้อง จนกลายเป็นการหักโหมอย่างหนักกับอวัยวะส่วนที่ออกแรงมากจนเกินไป ซึ่งหากเป็นมากๆ อาจกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง บางรายถึงกับต้องเข้าเฝือกหรือหยุดเล่นจึงจะหาย
- กล้ามเนื้อบาดเจ็บ โดยเฉพาะคนที่ต้องการมัดกล้ามให้ขึ้นอย่างรวดเร็วทันใจ มักจะเลือกน้ำหนักเวทที่มีน้ำหนักมากเกินไป แบบนี้ก็เป็นอันตรายถึงขั้นต้องนอนรักษาตัว เพราะถ้ายังฝืนเล่นต่ออาจส่งผลให้กล้ามเนื้อฝ่อหรือกล้ามเนื้อโตผิดที่ได้อีกด้วย
- รูปร่างไม่สมส่วน เกิดจากการฝึกอย่างหนักเป็นส่วนๆ ไม่สมดุล อย่างเช่นการฝึกเฉพาะแขนแล้วไม่ได้ฝึกขา ก็จะทำให้ขาดูเล็กเกินไป หรือถ้าฝึกแขนมากแล้วฝึกไหล่น้อย ก็จะทำให้ไหล่ตกดูเสียบุคลิกภาพ
- รู้สึกเมื่อยล้าและกล้ามเนื้อตึง มักเกิดกับผู้ที่ใช้เวลาในการออกกำลังกายนานกว่า 1 ชั่วโมง
ข้อเสียของการเล่นเวทเบาเกินไป
การเล่นเวทแบบน้อยหรือเบาจนเกินไป จะทำให้เราไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ เนื่องจากการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยจะส่งผลให้รับประทานอาหารได้มากขึ้น แต่สุดท้ายแล้วก็ยังได้ความอ้วนมาแทนที่อีกด้วย
หากอยากเล่นเวทให้ได้ผลจริงๆ ควรตั้งใจปฏิบัติให้สม่ำเสมอ โดยเล่นเวทไม่หนักหรือเบาจนเกินไป พร้อมกับเลือกน้ำหนักเวทให้เหมาะสม และศึกษาหาข้อมูลเยอะๆ วางแผนการออกกำลังกายแล้ววัดผลเป็นระยะๆ เราก็จะเห็นผลลัพธ์ที่คุ้มค่าสมความตั้งใจ