มีผู้หญิงรายงานว่าการเปลี่ยนแปลงระดับของเอสโตรเจนส่งผลต่อน้ำหนักตัว โดยเฉพาะในช่วงวัยทอง พวกเขาอาจสังเกตว่าน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น หรือลดน้ำหนักได้ยากกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม สำหรับบทความในวันนี้ เราจะพาคุณไปดูความสัมพันธ์ระหว่างระดับของเอสโตรเจนในผู้หญิงและน้ำหนักตัว รวมถึงสิ่งที่เราต้องทำ มาดูกันเลยดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
วัยทอง เอสโตรเจน และน้ำหนักตัว
มีหลายสาเหตุที่สามารถทำให้เอสโตรเจนในผู้หญิงมีระดับต่ำลง ซึ่งหนึ่งในสาเหตุทั่วไปที่พบได้มากที่สุดคือ วัยทองซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการเจริญพันธุ์ลดลง ผู้หญิงหลายคนสังเกตว่าตัวเองมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเวลานี้อย่างไรก็ดี การมีระดับของฮอร์โมนที่เปลี่ยนไปก็สามารถทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเช่นกัน เอสโตรเจนในรูปแบบที่เรียกว่า Estradiol จะลดลงในช่วงวัยทอง ซึ่งฮอร์โมนชนิดนี้ช่วยควบคุมเมทาบอลิซึมและน้ำหนักตัว การมีฮอร์โมนชนิดนี้ต่ำอาจทำให้คุณอ้วนขึ้นนอกจากเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงของระดับเอสโตรเจนแล้ว ผู้หญิงสูงอายุมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนไหวน้อยลง และมีมวลกล้ามเนื้อลดลง ซึ่งหมายความว่าพวกเธอเผาผลาญแคลอรีในระหว่างวันได้น้อยลง จึงไม่แปลกว่าทำไมน้ำหนักตัวถึงเพิ่มขึ้น
ตรวจระดับฮอร์โมนวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 382 บาท ลดสูงสุด 69%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เอสโตรเจนเสียสมดุล
- โรคถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic ovary syndrome - PCOS): ผู้หญิงที่เป็นโรค PCOS จะรู้สึกเจ็บที่ท้อง และมีซีสต์ที่รังไข่ ซึ่งอาจส่งผลต่อระดับฮอร์โมน ทั้งนี้ PCOS เป็นโรคที่ผู้หญิงมีซีสต์ขนาดเล็กในรังไข่ และเกิดการเสียสมดุลของฮอร์โมนหลายชนิด พวกเธออาจมีระดับของเทสโทสเตอโรนสูง และมีเอสโตรเจนหรือโปรเจสเตอโรนที่ไม่สมดุล ผู้หญิงที่เป็นโรคดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะมีปัญหากับการมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน และเป็นโรคหัวใจ
- ช่วงให้นมลูก: ระดับของเอสโตรเจนจะยังคงต่ำหลังจากที่ผู้หญิงคลอดลูกและในขณะที่ให้นมลูก การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนดังกล่าวช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำนมและป้องกันการตกไข่
- ไม่มีรังไข่: ผู้หญิงที่ผ่าตัดนำรังไข่ออกจะเข้าสู่วัยทองอย่างฉับพลัน ร่างกายจะไม่ปล่อยไข่ออกมา หรือไม่ผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนอีกต่อไป
- โรคอะนอเร็กเซีย: โรคอะนอเร็กเซียเป็นโรคผิดปกติเกี่ยวกับการทานอาหาร ซึ่งผู้ป่วยจะได้รับแคลอรีไม่เพียงพอ ทำให้ร่างกายอยู่ในภาวะหิวกระหาย และทำให้ร่างกายผลิตเอสโตรเจนลดลง
- ออกกำลังกายอย่างหนัก: การออกกำลังกายอย่างหนักจะทำให้การผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง เพราะมีระดับของไขมันในร่างกายต่ำ
เอสโตรเจนคืออะไร?
เอสโตรเจน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงชนิดหนึ่ง และจะมีบทบาทเมื่อเราเข้าสู่วัยหนุ่มสาวและมีประจำเดือน นอกจากนี้เอสโตรเจนยังมีหน้าที่อื่นๆ เช่น ช่วยควบคุมระดับของคอเลสเตอรอลในเลือด ช่วยให้กระดูกมีสุขภาพดี ปกป้องสมองและอารมณ์ ฯลฯ ทั้งนี้รังไข่เป็นอวัยวะหลักที่มีหน้าที่ผลิตเอสโตรเจน ในขณะที่ต่อมหมวกไต และเนื้อเยื่อไขมันก็มีส่วนช่วยในการผลิตเอสโตรเจน แต่เป็นปริมาณเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อาการของคนที่มีเอสโตรเจนต่ำ
- ประจำเดือนมาผิดปกติหรือขาดประจำเดือน
- ร้อนวูบวาบ
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- เป็นโรคนอนไม่หลับ
- ช่องคลอดแห้ง
- ความต้องการทางเพศต่ำ
- อารมณ์แปรปรวนหรือหงุดหงิดง่าย
- ปวดศีรษะ
- ผิวแห้ง
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงที่มีอาการใดอาการหนึ่งควรปรึกษาแพทย์ ซึ่งแพทย์อาจตรวจเลือดเพื่อวัดระดับของฮอร์โมนเอสโตรเจน และตัดสินว่ามันเป็นเพราะเอสโตรเจนเสียสมดุลหรือไม่
วิธีรับมือกับน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น
ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับการมีเอสโตรเจนที่ไม่สมดุลหรือไม่ก็ตาม คุณก็ควรรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยเริ่มจากการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและหมั่นออกกำลังกาย สำหรับการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพที่จะช่วยควบคุมน้ำหนักหมายถึงสิ่งเหล่านี้
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารแปรรูป
- ทานผลไม้และผักในแต่ละวันเป็นจำนวนมาก
- ดื่มน้ำ
- หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้ที่ผสมน้ำตาล และแอลกอฮอล์
- ทานธัญพืชเต็มเมล็ด โปรตีนแบบลีน และไขมันชนิดดีที่พบได้ในพืช
นอกจากนี้การออกกำลังกายก็เป็นเรื่องสำคัญต่อการจัดการกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นที่เกี่ยวข้องกับเอสโตรเจน นอกจากการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เช่น วิ่งเหยาะ ว่ายน้ำ หรือเดิน คุณควรเพิ่มการออกกำลังกายชนิดที่เรียกว่า Strength training เพื่อช่วยสร้างกล้ามเนื้อและช่วยให้กระดูกมีสุขภาพดี
การมีน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในผู้หญิงวัยทอง การทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ถือเป็นวิธีที่ช่วยให้คุณรับมือกับน้ำหนักได้ดีที่สุด หากพบความผิดปกติใดๆ คุณก็ควรไปพบแพทย์ค่ะ
ที่มา: https://www.medicalnewstoday.c...321837.php