โรคไวรัสตับอักเสบซี สามารถตรวจพบได้ประมาณ 1 - 2 % ของผู้ที่มาบริจาคเลือด โดยหลังจากเป็นโรคตับอักเสบชนิดนี้แล้ว ผู้ป่วยยังมีแนวโน้มที่จะเป็นตับอักเสบเรื้อรังถึง 20% และจะเป็นโรคตับแข็งใน 10 - 20 ปี บางส่วนอาจลุกลามกลายเป็นมะเร็งตับ
โรคไวรัสตับอักเสบซีติดต่อกันอย่างไร
ไวรัสตับอักเสบซีสามารถติดต่อกันได้ทาง เลือด และการใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน แต่ก็มีผู้ป่วยบางคนที่ได้รับเชื้อมาอย่างไม่ทราบสาเหตุหรือแหล่งที่มา
ฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบีวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 553 บาท ลดสูงสุด 59%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ปัจจัยที่เสี่ยงต่อการติดโรค
- ผู้ที่เคยรับ(การบริจาค)เลือด และสารเลือดในช่วงก่อนปี ค.ศ. 1992 เพราะช่วงก่อนนี้เป็นช่วงที่ยังไม่มีการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบซีในเบือดที่บริจาค
- เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ถูกเข็มตำ
- ผู้ป่วยติดยาเสพติดที่ใช้เข็มร่วมกัน
- เด็กทารกที่เกิดจากแม่ที่มีเชื้อ โดยสามารถติดได้ 5%
- คนที่ร่วมเพศโดยไม่ป้องกัน
- ได้รับเชื้อจากการสักร่างกาย
กิจกรรมใดบ้างที่ทำให้ติดเชื้อ
- การให้นมบุตร
- จามหรือไอ
- การทานอาหารหรือน้ำร่วมกันด้วยจาน ชาม แก้ว ช้อน รวมกัน
อาการของผู้ป่วยเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
ผู้ป่วยมักมีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร คลื่นไส้และอาเจียน ปวดบริเวณชายโครงขวา ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ
ส่วนผู้ที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีเรื้อรังจะมีอาการ ตับม้ามโต ตัวเหลืองตาเหลืองเป็นดีซ่าน กล้ามเนื้อเล็กลีบลง ท้องมาน เท้าบวมใหญ่
การรักษาโรคไวรัสตับอักเสบซี
- รักษาด้วยการให้ Alpha Interferon ตามแพทย์สั่ง
- รักษาด้วยการให้ยาสองตัวได้แก่ Alpha Interferon และ Ribavirin ตามแพทย์สั่ง
วิธีการป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบซี
- ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน
- ใส่ถุงมือก่อนที่จะสัมผัสเลือด
- ไม่ใช้มีดโดนหรือแปรงสีฟันร่วมกัน
- ไม่ใช้อุปกรณ์สักร่างกายร่วมกัน
- ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งหากมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า
- คนที่เป็นโรคไวรัสตับอักเสบซีห้ามบริจาคเลือด
เมื่อผู้ป่วยมีเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ควรป้องกันอาการอักเสบอย่างไร
- งดการดื่มสุรา
- เข้าพบแพทย์ตามเวลานัดหมาย
- ก่อนใช้ยาอะไรที่แพทย์ไมไ่ด้สั่งให้ ถามแพทย์ก่อนทุกครั้ง
- ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ