หูดที่อวัยวะเพศ (Genital Warts) คือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่เกิดจากเชื้อโรคสายพันธุ์ Human Papillomavirus (HPV) บางชนิด
HPV เป็นไวรัสที่พบได้ทั่วไป และมีมากกว่า 100 สายพันธุ์ บางชนิดอาจเป็นสาเหตุของเนื้อร้าย ในขณะที่บางชนิดก็ไม่ทำให้เกิดอาการใดๆ ในร่างกาย ไวรัส HPV ที่ทำให้เกิดหูดที่อวัยวะเพศคือ HPV 6 กับ HPV 11
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
อาการของหูดที่อวัยวะเพศ
หูดที่อวัยวะเพศ จะเกิดขึ้นบนผิวส่วนชื้นๆ รอบอวัยวะเพศ รอบทวารหนัก ภายในช่องคลอดและมดลูก มีทั้งแบบขนาดเล็ก เป็นก้อนเดี่ยว หรือเกาะรวมกันกลายเป็นหนึ่งก้อนใหญ่ก็ได้ มักจะมีสีเหมือนผิวหนัง แต่บางครั้งก็อาจพบสีชมพู สีแดง สีน้ำตาล สีเทา และสีขาว
หูดที่อวัยวะเพศมักไม่ทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหรือไม่สบายตัวใด ๆ แต่อาจทำให้มีอาการคัน เลือดออก หรือทำให้รู้สึกเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์เป็นบางครั้ง
สาเหตุของหูดที่อวัยวะเพศ
หูดที่อวัยวะเพศ มักจะเกิดจากเชื้อไวรัส HPV 6 และ HPV 11 หากพบหูดที่อวัยวะเพศของคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณได้รับเชื้อหูดมาจากคู่นอนคนล่าสุด เนื่องจากการจะเกิดหูดขึ้นได้นั้น ร่างกายต้องใช้เวลานานหลายเดือนหรือหลายปีหลังได้รับเชื้อ HPV จึงจะแสดงอาการของหูดขึ้นมา
เชื้อไวรัส HPV สามารถแพร่กระจายได้จากการสัมผัสผิวหนังและชั้นเยื่อเมือกที่ติดเชื้อ เช่น
- การมีเพศสัมพันธ์แบบปกติ
- การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก
- การสัมผัสกันของอวัยวะเพศ
- การมีเพศสัมพันธ์ทางปาก
ผู้ที่มีปัจจัยดังต่อไปนี้ อาจมีโอกาสพบหูดที่อวัยวะเพศมากขึ้นด้วย ได้แก่
- การสูบบุหรี่ : ผู้ที่สูบบุหรี่จะมีโอกาสติดเชื้อมากขึ้น และยังมีความเกี่ยวข้องกับการกลับมาเป็นหูดซ้ำอีกด้วย
- ภูมิคุ้มกันบกพร่อง : เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ที่ได้รับเชื้อ HIV หรือผู้ที่กำลังเข้ารับการบำบัดกดภูมิ จะมีโอกาสติดและเป็นหูดที่อวัยวะเพศมากขึ้น และยังทำให้การรักษาเป็นไปได้ยากขึ้นอีกด้วย
การวินิจฉัยหูดที่อวัยวะเพศของแพทย์
หูดที่อวัยวะเพศมักวินิจฉัยพบได้จากการตรวจภายใน (Pelvic Exam) ในบางครั้งแพทย์อาจจัดการเจาะตรวจชิ้นเนื้อ (Biopsy) ที่หูดและส่งไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการณ์เพื่อยืนยันผล
ระหว่างการรอผลวินิจฉัย ควรพาคู่นอนคนปัจจุบันของคุณไปเข้ารับการตรวจเช่นกัน และควรพาคู่นอนที่ผ่านๆ มาของคุณในช่วง 6 เดือนไปเข้ารับการตรวจด้วย
สามารถทำการรักษาหูดที่อวัยวะเพศได้อย่างไร?
เป้าหมายของการรักษาหูดที่อวัยวะเพศ คือการกำจัดหูดออกและลดอาการต่าง ๆ ลง ประเภทของการรักษาหูดจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น
- ขนาด
- รูปร่าง
- ตำแหน่ง
- ความเชี่ยวชาญของแพทย์
การรักษาหูดที่อวัยวะเพศมีหลายวิธี ได้แก่
- วิธีบำบัดด้วยความเย็น (Cryotherapy) : แช่แข็งหูดด้วยไนโทรเจนเหลว,
- การจี้ไฟฟ้า (Electrocautery) : ใช้ความร้อนจากกระแสไฟฟ้าจี้หูด
- ใช้เลเซอร์กำจัดหูด
- ผ่าตัดหูด
- บำบัดด้วยสารเคมี
- การใช้ยาทาภายนอก : กรณีนี้สามารถกลับไปรักษาด้วยตัวเองที่บ้านได้
บางครั้งอาจพบการกลับมาเป็นหูดที่อวัยวะเพศอีกหลังได้รับการรักษาไปแล้ว กรณีนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไปภายในช่วง 3 เดือนแรกหลังการรักษา และการรักษาหูดส่วนมากก็ไม่ใช่การรักษาให้หายขาดจริงๆ เพราะเมื่อคุณมีร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ดี การติดเชื้อนี้มักจะหายไปเองในที่สุด
ตรวจ STD วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 97 บาท ลดสูงสุด 76%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
การป้องกันการเกิดหูดที่อวัยวะเพศ
หูดที่อวัยวะเพศ สามารถป้องกันได้ด้วย 2 วิธีได้แก่
การใช้ถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์ : แต่ถ้าคู่นอนของคุณมีเชื้อหูดอยู่บนบริเวณที่ถุงยางปกคลุมไม่ถึง เช่น บนอัณฑะ หรือฐานองคชาติ เมื่อมีการสัมผัสกันของผิวหนังขึ้นจะทำให้คู่นอนได้รับเชื้อ HPV ไปด้วย แม้ว่าผู้ติดเชื้อจะไม่มีหูดปรากฏอยู่ก็ตาม
การฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV : วัคซีนเหล่านี้ไม่อาจรักษาการติดเชื้อ HPV ที่มีอยู่ก่อนแล้วได้ แต่ก็สามารถป้องกันการรับเชื้อ HPV หลังจากนี้ได้ โดยเฉพาะหากคุณมีคู่นอนหลายคน
ที่มาของข้อมูล
Nicole Telfer, Genital warts 101 (https://helloclue.com/articles/sex/genital-warts-101), 4 มกราคม 2019.