เริมที่อวัยวะเพศ เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Herpes Simplex virus type 2 ติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีแผลเริม ซึ่งเชื้อดังกล่าวสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสผิวหนังที่เป็นแผลไม่ว่าจะเป็นในช่องคลอด ช่องปาก หรือทวารหนัก และเชื้อไวรัสนี้ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดแผลในช่องปากที่สามารถแพร่เชื้อผ่านน้ำลายได้ด้วย
อาการของโรค
ผู้ที่ได้รับเชื้อไวรัสเริมที่อวัยวะเพศมักจะไม่รู้ตัวว่า ตนเองติดเชื้อแล้วและเชื้อมักจะไม่แสดงอาการออกมาให้เห็น อย่างไรก็ตาม หากมีอาการแสดงออกมา อาการของโรคจะส่งผลให้มีอาการป่วยให้เห็นได้อย่างชัดเจน ประมาณ 2-14 วันหลังจากติดเชื้อ ได้แก่ มีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามร่างกาย มีอาการคัน หรือเจ็บที่อวัยวะเพศ จากนั้นจะเริ่มมีต่มน้ำใสๆ ปรากฏขึ้น และแตกภายใน 24-48 ชั่วโมง กลายเป็นแผลเล็กๆ คล้ายแผลร้อนในที่เกิดในช่องปาก ทำให้อาการเจ็บปวดทวีความรุนแรงมากขึ้น บางรายอาจมีอาการบวมแดงและแสบร้อน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
แผลเริมมักเกิดขึ้นบริเวณช่องคลอด องคชาต อัณฑะ ก้น หรือทวารหนัก สำหรับผู้ที่ติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศครั้งแรกมักมีแผลจำนวนมากและค่อนข้างหายช้า สำหรับการติดเชื้อในผุ้หญิงบางรายอาจพบว่า มีการอักเสบของช่องคลอดและท่อปัสสาวะอย่างรุนแรง เมื่อปัสสาวะจะมีอาการแสบอย่างมาก อาการที่แสดงออกมาจะเกิดขึ้นประมาณ 1 สัปดาห์ ไปจนถึง 3-4 สัปดาห์จึงจะเริ่มดีขึ้น ซึ่งอาจรู้สึกปวดตึงบริเวณที่เคยมีแผล สำหรับบางรายอาจมีอาการหวัด มีไข้ ปวดศีรษะ หรือต่อมน้ำเหลืองโตบริเวณขาหนีบร่วมด้วย หากเชื้อแสดงออกมาอีกครั้งอาการที่เกิดขึ้นจะเบาลงกว่าครั้งแรกและแผลจะหายเร็วกว่าเดิม
เริมไม่หายขาด แต่จะเกิดขึ้นได้ซ้ำๆ
หลังจากที่แผลพุพองหายแล้ว ผู้ป่วยอาจคิดว่าเชื้ออาจหายไปด้วยเช่นกัน แต่จริงๆ แล้วเชื้อไวรัสยังคงซ่อนตัวอยู่ที่ปมประสาทได้อย่างถาวร และหากมีปัจจัยกระตุ้น เช่น พักผ่อนน้อย อ่อนเพลีย เครียด มีความเจ็บป่วยอื่นๆ รบกวน มีประจำเดือน เชื้อไวรัสจะเริ่มปรากฏอาการอีกครั้งในบริเวณเดิม แต่จำนวนของแผลและความรุนแรงจะลดน้อยลง รวมทั้งหายได้เร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้จำนวนครั้งของการปรากฏอาการเริมที่อวัยวะเพศนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางรายอาจปรากฏอาการได้มากถึง 4-5 ครั้งในหนึ่งปี ในขณะที่บางรายเป็นเพียง 1-2 ครั้งต่อปีเท่านั้น และอาการจะน้อยลงเรื่อยๆ
ในปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาเริมให้หายขาดได้ และเชื้อจะยังคงอยู่ในร่างกายที่สามารถแพร่สู่บุคคลอื่นได้หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน และแม้จะไม่ปรากฏแผลให้เห็นก็ยังคงสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้เช่นกัน ผู้ติดเชื้อสามารถลดโอกาสที่จะแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้ด้วยการใช้ยาต้านไวรัสซึ่งเป็นยาที่ต้องได้รับใบสั่งจากแพทย์
นอกจากนี้เริมที่อวัยวะเพศยังสามารถเพิ่มความเสี่ยงให้ผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีได้ เนื่องจากเชื้อเอชไอวีสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้นเมื่อร่างกายอ่อนแอ หรือเมื่อมีการสัมผัสกับบาดแผลในขณะมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่มีการป้องกัน
หากหญิงตั้งครรภ์ติดเชื้อเริม เชื้อสามารถแพร่สู่ทารกได้ในขณะคลอดผ่านทางช่องคลอด แพทย์จึงเลือกการผ่าคลอดทางหน้าท้องแทนเพื่อความปลอดภัยของทารก เนื่องจากหากเด็กติดเชื้อจะส่งผลให้เด็กมีอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ชัก และเกิดความเสียหายต่อสมองได้
การรักษาโรค
ปัจจุบันยังไม่มียาที่สามารถรักษาเริมให้หายขาดได้ แต่สำหรับผู้ติดเชื้อเริมครั้งแรกจำเป้นต้องพบแพทย์เพื่อรับการรักษา แพทย์จะให้ยาต้านเชื้อไวรัสเริม เช่น acyclovir มารับประทานเพื่อช่วยควบ คุมการแพร่กระจายของเชื้อ ทั้งยังช่วยรักษาและลดอาการเจ็บปวดจากแผลที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้แพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลและทำความสะอาดแผลที่ถูกต้อง ผู้ป่วยควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด ดูแลแผลให้สะอาด จนกว่าแผลจะหายสนิท
การป้องกันโรค
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันเริมที่อวัยวะเพศ คือ การงดมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นหากต้องการมีเพศสัมพันธ์จำเป็นต้องใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ทางใด นอกจากนี้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แบบออรัลเซ็กซ์ควรให้คนรักใช้แผ่นยางอนามัยป้องกัน โดยแผ่นยางอนามัยสามารถหาซื้อได้ทางออนไลน์หรือจากร้านขายยาทั่วไป หากคุณ หรือคนรักของคุณปรากฏอาการของโรค คุณทั้งสองต้องงดการมีเพศสัมพันธ์อย่างเด็ดขาดจนกว่าแผลนั้นจะหายสนิทแล้ว
ถ้าคุณคิดว่า คุณอาจมีอาการติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศ หรือคู่นอนของคุณมีอาการติดเชื้อเริมที่อวัยวะเพศติดเชื้อ คุณต้องงดมีเพศสัมพันธ์ทุกช่องทาง อย่าอายที่จะไปพบแพทย์เนื่องจากโรคนี้ควรได้การตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้อง