ทำอย่างไรเมื่อเพื่อนติดเชื้อเอชไอวี? My Friend Has HIV. How Can I Help?

เผยแพร่ครั้งแรก 15 มี.ค. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 7 นาที
ทำอย่างไรเมื่อเพื่อนติดเชื้อเอชไอวี? My Friend Has HIV. How Can I Help?

ผู้ป่วยที่ติดชื้อเอชไอวีมักรู้สึกโดดเดี่ยวและหวาดระแวงกับสิ่งรอบกาย ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการเพื่อนที่เข้าใจที่สามารถปรึกษาและเชื่อใจได้ มีชาวอเมริกันกว่า 1 ล้านคนที่ติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งคุณอาจรู้จักใครสักคนที่มีเชื้อไวรัสนี้

เนื่องจากการติดเชื้อเอชไอวีเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันหรือการใช้ยาเสพติด เด็กวัยรุ่นที่ติดเชื้อส่วนใหญ่มักรู้สึกอายและไม่กล้าบอกใคร นอกจากนี้ มีอีกหลายคนที่ติดเชื้อตั้งแต่กำเนิดหรือติดเชื้อจากการเปลี่ยนถ่ายเลือดจากผู้อื่น อย่างไรก็ตาม เมื่อติดเชื้อแล้ว พวกเขาเหล่านี้จะรู้สึกโดดเดี่ยว แปลกแยกจากผู้อื่น และหวาดระแวง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการเพื่อนที่เข้าใจที่สามารถปรึกษาและเชื่อใจได้

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ไวรัสเอชไอวีคืออะไร

หากคุณพบว่าเพื่อนของคุณกำลังติดเชื้อเอชไอวี คุณอาจจะอยากรู้ขึ้นมาทันทีว่าโรคนี้คืออะไร ซึ่งข้อเท็จจจริงเกี่ยวกับไวรัสเอชไอวีที่คุณเคยได้ยินมา อาจไม่ได้เป็นข้อมูลที่แท้จริงหรือเป็นเพียงข้อมูลผิดๆ ที่แชร์ต่อกันมา

HIV หรือ human immunodeficiency virus เป็นเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายที่คอยต่อสู้

กับเชื้อโรคต่างๆ ดังนั้นผู้ติดเชื้อเอชไอวีจึงมีปัญหากับการติดเชื้อรุนแรง เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายบกพร่องจนไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ ที่เข้าสู่ร่างกายได้

ผู้ติดเชื้อบางรายมีภาวะการติดเชื้อในเลือดต่ำ (low viral load) ซึ่งจะไม่แสดงอาการป่วยและยังดูเหมือนว่าพวกเขามีสุขภาพปกติดี ดังนั้น 1 ใน 5 ของผู้ติดเชื้อจะไม่รู้ตัวว่าตัวเองมีเชื้อเอชไอวีอยู่

ที่น่ากังวลคือเชื้อเอชไอวีสามารถพัฒนากลายเป็นโรคเอดส์ได้ แต่เอชไอวีไม่ได้มีการพัฒนาเป็นโรคเอดส์ได้ในผู้ติดเชื้อทุกราย นั่นเพราะวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่สามารถพัฒนายาที่คอยกดเชื้อไม่ให้พัฒนาเป็นโรคที่รุนแรงได้ ทำให้ผู้ติดเชื้อยังดำรงชีวิตได้ตามปกติและมีชีวิตอยู่ได้นานหลายสิบปี

ในทุกๆ ปี วัยรุ่นหลายร้อยคนในสหรัฐอเมริกาติดเชื้อเอชไอวีจากการไม่ได้ป้องกันขณะมีเพศสัมพันธ์หรือจากการใช้เข็มร่วมกันเมื่อเสพยา และผู้ติดเชื้อจำนวนหนึ่งติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา เนื่องจากวิวัฒนาการทางการแพทย์ที่ก้าวล้ำทำให้ปริมาณของเด็กทารกที่ติดเชื้อจากมารดามีจำนวนลดลงเรื่อยๆ นอกจากนี้ ยังพบกรณีการติดเชื้อจากการเปลี่ยนถ่ายเลือดน้อยมาก เนื่องจากปัจจุบันมีการตรวจเลือดอนการบริจาคเลือดทุกครั้ง

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

ในปัจจุบันเชื่อว่าผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการป่วยรุนแรง นั่นเพราะยาและกระบวนการรักษาที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นแม้จะไม่มียาใดๆ รักษาโรคให้หายขาดได้ ดังนั้นผู้ติดเชื้อจำเป็นต้องระมัดระวังและดูแลตัวเองให้ดี โดยต้องไม่พาตัวเองไปอยู่ในภาวะเสี่ยง อย่างการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เพราะนั่นจะทำให้ผู้อื่นติดเชื้อจากคุณได้

ข้อเท็จจริงที่คุณควรทราบคือ คุณจะไม่สามารถรับเชื้อได้จากการจับมือหรือสัมผัสตัวผู้ติดเชื้อ เช่น การใช้แก้วน้ำร่วมกัน การทักทายด้วยการหอมแก้ม กอด หรือจับมือ ดังนั้นคุณไม่ควรกังวลที่จะใช้ชีวิตประจำวันร่วมกับพวกเขา

เมื่อเพื่อนไว้ใจที่จะบอกความลับนี้กับคุณ

หากเพื่อกล้าที่จะบอกกับคุณว่าเขากำลังติดเชื้อ นั่นหมายความว่าเขาคนนั้นไว้ใจคุณมาก และสำคัญมากที่คุณต้องบอกและทำให้เขามั่นใจได้ว่าคุณจะไม่บอกความลับนี้กับใคร เนื่องจากการรักษาการติดเชื้อเอชไอวีเป็นเรื่องส่วนบุคคลและเป็นข้อมูลทางสุขภาพที่มีความเป็นส่วนตัวสูง

อย่ากังวลที่ต้องถามในสิ่งที่คุณยังไม่รู้ เพราะความสนใจและการสนับสนุนของคุณจะช่วยให้เพื่อนรู้สึกหวาดระแวงและอับอายน้อยลง แต่หากเพื่อนไม่ต้องการตอบคำถาม คุณก็ไม่ควรขยั้นขยอ ทว่าคุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อเอชไอวีได้ทางเว็บไซต์ต่างๆ เช่น เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค หรือเว็บไซต์ทางการแพทย์ต่างๆ เป็นต้น

บางทีคุณอาจสงสัยว่าเพื่อนหรือคนในครอบครัวของเพื่อนติดเชื้อและเพื่อนยังไม่กล้าบอกคุณ แนะนำว่าไม่ควรถามและให้รอจนกว่าเพื่อนของคุณพร้อมที่จะบอกคุณเอง พยายามพูดในเชิงบวกเมื่อคุณดูรายการทางทีวีกับเพื่อนเกี่ยวกับผู้ติดเชื้อเพื่อให้เพื่อนรู้สึกว่าคุณไม่ได้มองภาพลบหรือรังเกียจผู้ป่วยติดเชื้อเลยแม้แต่น้อย

ช่วยเพื่อนอย่างไรให้คลายจากความเครียดและความวิตกกังวล

ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวียังคงสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ มีแฟน ออกเดท มีเพศสัมพันธ์ แต่งงาน และมีครอบครัว การเป็นผู้ติดเชื้อไม่ได้หมายความว่าพวกเขาต้องป่วยและนอนซมอยู่ที่บ้าน ทว่ายังมีการให้ข้อมูลผิดๆ เกี่ยวกับผู้ติดเชื้อ และนี่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกหวาดระแวง เป็นกังวล และไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าพวกเขาติดเชื้อ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

หากเพื่อนของคุณไม่ต้องการให้คนอื่นรับรู้ กำลังใจและการสนับสนุนจากคุณจึงเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเขา เนื่องจากภาวะความเครียดสามารถส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและทำให้ผู้ติดเชื้อเกิดภาวะซึมเศร้าและเป็นกังวล ดังนั้นการมีใครสักคนที่เขาไว้ใจคอยรับฟังและเข้าใจจะช่วยบรรเทาอาการเครียดที่เกิดขึ้นได้

อย่ากังวลที่จะถามเพื่อนของคุณถึงความรู้สึกและพูดคุยอย่างสร้างสรรค์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตเหมือนปกติทั่วไป โดยเฉพาะเมื่อเพื่อนต้องการคุยเรื่องนี้กับคุณ เพราะการเลี่ยงที่จะไม่พูดถึงเรื่องนี้อาจทำให้เพื่อนคุณรู้สึกว่าคุณเองก็รู้สึกอายเช่นกัน คุณอาจลองใช้คำถามเหล่านี้ เช่น “นายอยากบอกความรู้สึกอะไรให้เราฟังบ้างไหม?” โดยคุณต้องไม่ชี้ประเด็นไปที่อาการทางสุขภาพมากจนเกินไป เพราะเมื่อเขาสบายดีและอารมณ์ดีอยู่ เขาย่อมไม่ต้องการพูดถึงปัญหาทางสุขภาพของตน

เป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นที่ติดเชื้อและคนที่เป็นห่วงพวกเขาจะรู้สึกซึมเศร้า โมโห หรือมีอารมณ์แปรปรวนไปด้วย หากคุณพบว่าเพื่อนของคุณมีปัญหาทางด้านอารมณ์ แนะนำให้เพื่อนของคุณปรึกษาแพทย์ จิตแพทย์ หรือครูที่ปรึกษา นอกจากนี้ การเข้าร่วมกิจกรรมกับกลุ่มผู้ติดเชื้อก็สามารถบรรเทาภาวะทางอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้

การบำบัดรักษาและการให้คำปรึกษา

การได้รับคำปรึกษาและการสนับสนุนที่ถูกต้องจะช่วยให้ผู้ติดเชื้อคลายจากอาการเครียด ออกจากภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล นอกจากนี้ จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อไม่ใช้ยาเสพติดและสุราเพื่อผ่อนคลายความเครียด

การเริ่มหัวข้อการพูดคุยกับผู้ติดเชื้อเกี่ยวกับการรักษาเป็นเรื่องยาก คุณอาจลองพูดคุยด้วยการถามอย่างเป็นห่วงเป็นใย เช่น “เราสังเกตเห็นว่าช่วงนี้นายดูเศร้าๆ ไปนะ และเราก็กังวลกับอาการของนายเพราะนายอาจมีเรื่องให้ต้องคิดกังวลหลายอย่าง นายลองปรึกษาใครดูรึยัง แล้วนายคิดว่านายควรจะปรึกษาใครดีล่ะ?” เป็นต้น

หากคุณเองเคยได้รับคำปรึกษาจากครูที่ปรึกษาหรือจิตแพทย์ คุณอาจเล่าประสบการณ์ที่มีให้เพื่อนฟังว่าการขอคำปรึกษาช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้นได้ โดยคุณต้องเล่าเรื่องส่วนตัวให้เพื่อนคุณฟังถึงสาเหตุของการปรึกษา เพื่อคลายความวิตกที่เพื่อนต้องได้รับการช่วยเหลือจากผู้อื่น มันจะช่วยได้มากหากคุณมีข้อมูลของผู้ให้คำปรึกษา จิตแพทย์ หรือสมาคมผู้ติดเชื้อ ให้กับเพื่อนของคุณและคอยติดตามการพบแพทย์ของเขา

นอกจากนี้ คลินิกหรือโรงพยาบาลเพื่อสุขภาพในชุมชนสามารถให้คำปรึกษาหรือช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อเอชไอวีหรือผู้ป่วยเอดส์ได้ ระวังอย่าเปิดเผยชื่อบุคคลที่ให้ข้อมูลโดยเฉพาะเมื่อคุณขอให้เพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัวแนะนำ

ยืนหยัดเคียงข้างพวกเขา

ถ้าเพื่อนร่วมชั้นหรือคนอื่นรู้ว่าเพื่อนของคุณติดเชื้อ เพื่อนของคุณจะรู้สึกหวาดระแวงและไม่อยากร่วมกิจกรรมใดๆ ซึ่งทำให้เพื่อนของคุณถูกล้อหรือถูกรังแกได้ และนี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้ติดเชื้อไม่ต้องการบอกใครๆ เกี่ยวการติดเชื้อของพวกเขา

สัญชาติญาณแรกที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกของคุณคือการปกป้องเพื่อน ทางที่ดีที่สุดคือคุณต้องควบคุมอารมณ์ของตัวเอง ไม่โมโหหรือโกรธต่อการกระทำของคนเหล่านั้น และคอยบอกเพื่อนที่ติดเชื้อของคุณว่าคนพวกนี้เป็นพวกที่ไม่เคยรู้จักเชื้อไวรัสเอชไอวีอย่างแท้จริง และคุณสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับพวกเขาได้ โดยแสดงให้เพื่อนๆ เห็นว่าเราสามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้ติดเชื้อได้ เช่น กินข้าวเที่ยงด้วยกัน หรือจับคู่เล่นกีฬาและทำกิจกรรมต่างๆ กับเพื่อนผู้ติดเชื้อ เป็นต้น

หากกลุ่มเพื่อนๆ ไม่ลดละที่จะรังแกเพื่อนของคุณ แนะนำให้ปรึกษาครูหรือผู้ใหญ่ที่ทราบเรื่อง หากไม่มีใครทราบเกี่ยวกับเพื่อน คุณยังคงต้องบอกครูเกี่ยวกับพฤติกรรมของเพื่อนๆ ที่รังแกแต่คุณไม่จำเป็นต้องบอกครูว่าเพื่อนของคุณติดเชื้อ โดยกฎหมายของสหรัฐอเมริกามีการปกป้องสิทธิของผู้ติดเชื้อที่สามารถมีสิทธิ์ในการเข้าทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ เช่น เข้าโรงเรียน ทำกิจกรรมโรงเรียน หรือเข้าร่วมทีมกีฬา อย่างไรก็ตาม เพื่อนผู้ติดเชื้ออาจต้องเพิ่มความระมัดระวังไม่ให้ร่างกายรับเชื้ออื่นๆ เพิ่มและอาจต้องควบคุมไม่ให้เล่นกีฬาหักโหมจนเกินไป

สิ่งที่คุณสามารถทำเพื่อพวกเขาได้

อยู่ในโลกของความเป็นจริงและมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ เป็นเรื่องดีที่จะพูดถึงอนาคตและมีการวางแผนตามสิ่งที่เป็นอยู่จริง คุณไม่ควรวิตกกับความกังวลของเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการรักษา โภชนาการ การมีเพศสัมพันธ์ การแต่งงาน อาการป่วย หรือแม้แต่เรื่องการเสียชีวิต แต่คุณควรยกตัวอย่างผู้มีชื่อเสียงที่ติดเชื้อที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามปกติและอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง และหากเพื่อนของคุณเป็นคนขี้ลืม คุณอาจคอยเตือนให้เพื่อนกินยาและไปหาหมอตามนัด แน่นอนที่บางครั้งเรื่องที่ดีสุดคือเรื่องที่ง่ายที่สุด เช่น เพื่อนผู้ติดเชื้ออาจแค่ต้องการให้คุณอยู่ด้วยในวันที่เขาอยากไปดูหนังเพื่อให้สามารถลืมเรื่องอาการติดเชื้อไปได้ชั่วคราว เป็นต้น

ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือเมื่อเพื่อนต้องการ การถามไถ่และคอยสังเกตว่าเพื่อนอาจต้องการคำปรึกษาหรือความช่วยเหลือเป็นสิ่งที่ควรทำ เช่น หากเพื่อนต้องไปหาหมอและไม่ได้ไปโรงเรียน คุณสามารถช่วยเอาการบ้านจากโรงเรียนมาให้เพื่อน และหากอาการป่วยอาจทำให้เพื่อนไปโรงเรียนไม่ได้ คุณสามารถใช้เทคโนโลยี อย่าง face time หรือ video call เพื่อให้เพื่อนได้มีส่วนร่วมกับชั้นเรียน และอย่าลืมไปเยี่ยมเพื่อนที่บ้านเพื่อนำสิ่ง

นันทนาการต่างๆ ไปให้เขา เช่น หนังสือการ์ตูน คลิปตลก เกมส์ ตุ๊กตา หรือของเล่น ที่คิดว่าเพื่อนของคุณน่าจะชอบ

ในขณะที่ดูแลเพื่อน คุณควรต้องดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน อาจเป็นเรื่องยากที่มีเพื่อนติดเชื้อและเขาต้องต่อสู้กับโรคร้ายและคุณอาจรู้สึกกลัวเมื่อเขาป่วย ซึ่งอาจทำให้คุณรู้สึกเครียดที่ต้องคอยยืนหยัดเคียงข้างเขาตลอดเวลา

บางครั้งคุณอาจรู้สึกว่าอยากถอยห่างออกมาเพราะคุณเริ่มรู้สึกอึดอัด ทว่าเพื่อนของคุณจำเป็นต้องรู้ถึงความรู้สึกของคุณเช่นกัน แล้วคุณจะทำอย่างไรดีล่ะหากเริ่มรู้สึกเช่นนี้?

ประการแรกเลยคือ อย่าพยายามขจัดความรู้สึกที่มีด้วยอารมณ์ ลองพิจารณาถึงสภาวะอารมณ์ของตนก่อนว่ากำลังรู้สึกอย่างไร คุณอาจกำลังรู้สึกเศร้า หวาดกลัว วิตกกังวล สับสน หรือโมโห บางทีคุณอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ และบางทีคุณก็ไม่สามารถเชื่อมโยงความรู้สึกของตัวเองกับอารมณ์ความรู้สึกของเพื่อนผู้ติดเชื้อได้ แน่นอนว่าคุณไม่ต้องการรบกวนเพื่อนด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่คุณมี ดังนั้น คุณจึงต้องการความช่วยเหลือและแรงสนับสนุนเช่นกัน ลองปรึกษาพ่อแม่หรือครูที่ปรึกษา และหากเพื่อของคุณมีพี่น้อง ลองปรึกษาพวกเขา เพราะพวกเขาก็อาจมีความรู้สึกเช่นเดียวกับคุณ เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ อารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นจะไม่เป็นอุปสรรคกับคุณและเพื่อนอีกต่อไป

สิ่งสำคัญที่สุด 2 อย่างที่คุณสามารถทำเพื่อเขาได้ ประการแรกคือการที่คุณคอยช่วยเหลือและสนับสนุนเคียงข้างเขาและประการที่สองคือเก็บเรื่องเกี่ยวกับการรักษาของเขาให้เป็นความลับเสมอ คอยอยู่กับเพื่อนเมื่อเพื่อนต้องการคุณไม่ว่าจะไปกินข้าวหรือเดินเล่นด้วยกันเพื่อให้เขารู้สึกว่าเขานั้นไม่ได้แตกต่างจากคนปกติทั่วไป

ชีวิตมีไว้เพื่อดำรงอยู่ และหากเพื่อนๆ เห็นว่าคุณห่วงใยเพื่อน ใส่ใจในสิ่งที่เขาเป็น นี่จึงเป็นสิ่งที่ดีและน่ายินดีที่สุดที่คุณสามารถยอมรับและดำรงชีวิตได้อย่างปกติกับผู้ป่วยไม่ว่าจะโรคใดๆ ก็ตาม

ที่มาของข้อมูล http://kidshealth.org/en/teens...


6 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
My Friend Has HIV. How Can I Help? (for Teens). Nemours KidsHealth. (https://kidshealth.org/en/teens/friend-hiv.html)
6 Things You Shouldn’t Ask Me About Living with HIV. Healthline. (https://www.healthline.com/health/hiv-aids/what-not-to-ask-someone-with-hiv)
Saitz R. (2001). Saying “I wish” instead of “I’m sorry.” (http://www.jwatch.org/jc200111090000010/2001/11/09/saying-i-wish-instead-im-sorry)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป