ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิก
กลไกการทำงานของกรดโฟลิก คือกรดโฟลิกเป็นส่วนประกอบสำคัญต่อกระบวนการสร้างโคเอนไซม์ เช่นในกระบวนการสร้างพิวรีน (purine) และไพริมิดีน (pyrimidine) ซึ่งส่งผลต่อการบวนการสร้าง DNA ยังเป็นส่วนสำคัญของกระบวนการสร้างและรักษานิวคลีโอโปรตีน (nucleoprotein) ในกระบวนการสร้างเม็ดเลือดแดง ช่วยส่งเสริมการสร้างเม็ดเลือดขาวและเกร็ดเลือดในผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากการพร่องโฟเลต
กรดโฟลิกมีข้อบ่งใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกรดโฟลิก สำหรับโรคโลหิตจางจากภาวะพร่องกรดโฟลิก ขนาดรับประทานคือ 5 มิลลิกรัมต่อวันเป็นเวลา 4 เดือน หรือใช้ในขนาดได้ถึง 15 มิลลิกรัมต่อวันในผู้ป่วยที่มีการดูดซึมผิดปกติ ข้อบ่งใช้สำหรับเพื่อป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจางในหญิงตั้งครรภ์ ขนาดรับประทานคือ 0.2 ถึง 0.5 มิลลิกรัมต่อวัน ข้อบ่งใช้สำหรับป้องกันการเกิดภาวะหลอดประสาทไม่ปิดในทารก (NTD) ขนาดรับประทานคือ 4 หรือ 5 มิลลิกรัมต่อวัน ข้อบ่งใช้สำหรับเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับหญิงตั้งครรภ์ ขนาดรับประทานคือ 0.4 มิลลิกรัมต่อวัน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ข้อควรระวังพิเศษของการใช้ยาคือ อาจเกิดภาวะต้านทานต่อยาในผู้ป่วยที่เป็น depressed haematopoiesis ผู้ป่วยที่ติดแอลกอฮอล์ ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดวิตามินอื่น ผลข้างเคียงอันไม่พึงประสงค์จากการใช้ยาได้แก่ รบกวนระบบทางเดินอาหาร เกิดอาการแพ้ ตัวยาจัดอยู่ในกลุ่ม category A คือมีความปลอดภัยสำหรับการใช้ในหญิงตั้งครรภ์ (และอยู่ใน category C หากขนาดรับประทานเกินกว่าที่แนะนำ) ควรเก็บยาไว้ที่อุณหภูมิ 15 ถึง 30 องศาเซลเซียส
ตัวอย่างของผลิตภัณฑ์กรดโฟลิก ได้แก่ Blackmores Folic Acid และ Folivit (ข้อมูลจาก MIMS Thailand)
Blackmores Folic Acid
Blackmores folic acid เป็นยารูปแบบเม็ด ประกอบด้วยกรดโฟลิก 0.5 มิลลิกรัม มีข้อบ่งใช้สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องกรดโฟลิก อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์ ขนาดที่แนะนำคือรับประทาน 1 เม็ดต่อวัน ควรรับประทานพร้อมกับอาหารมื้อหลัก ประเภทของยาตามองค์การอาหารและยา ประเทศไทย จัดอยู่ในกลุ่ม ยาทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ ยาเสพติด ยาควบคุมพิเศษ หรือยาอันตราย (Non-dangerous drug; NDD)
Folivit
Folivit เป็นยารูปแบบเม็ด ประกอบด้วยกรดโฟลิก 5 มิลลิกรัม มีข้อบ่งใช้สำหรับภาวะโลหิตจางเนื่องจากการพร่องกรดโฟลิก หรือภาวะโลหิตจางที่มีสาเหตุจากการขาดสารอาหาร ข้อบ่งใช้ในหญิงตั้งครรภ์ และในเด็ก ขนาดที่แนะนำคือรับประทาน 1 ถึง 3 เม็ดต่อวัน ประเภทของยาตามองค์การอาหารและยา ประเทศไทย จัดอยู่ในกลุ่ม ยาทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มวัตถุออกฤทธิ์ ยาเสพติด ยาควบคุมพิเศษ หรือยาอันตราย (Non-dangerous drug; NDD)
ผลิตภัณฑ์กรดโฟลิกยี่ห้ออื่น ได้แก่ F-Min Folic acid central poly Folimed นอกจากนี้ยังอาจพบกรดโฟลิกในผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดวิตามินรวม แต่อาจมีปริมาณของกรดโฟลิกในปริมาณต่ำ (ระดับไมโครกรัม) ซึ่งเพียงพอต่อคนปกติในการรับประทานต่อวัน
การได้รับกรดโฟลิกในปริมาณสูงเกินไปมีความเสี่ยงอย่างไรบ้าง?
แม้ว่าการได้รับกรดโฟลิกจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในปริมาณสูงกว่าที่ร่างกายต้องการนั้น จะให้ผลดีต่อหญิงตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ แต่ก็ควรคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจได้รับหากได้รับในปริมาณที่สูงเกินไป อย่างแรก การได้รับกรดโฟลิกในปริมาณสูงอาจทำให้ตรวจวินิจฉัยภาวะขาดวิตามินบี 12 ไม่พบ (ซึ่งการขาดวิตามินบี 12 ก่อให้เกิดภาวะโลหิตจางได้) ซึ่งถือเป็นอันตรายในหญิงที่กำลังตั้งครรภ์ ปัจจุบันมีการคำนึงถึงผลอันไม่พึงประสงค์ของกรดโฟลิกที่หลงเหลือซึ่งไม่ผ่านกระบวนการแมทาบอลิซึมของร่างกายเกี่ยวกับการเกิดมะเร็ง ภาวะซึมเศร้า และภาวะสมองเสื่อม ในปัจจุบันจึงมีข้อมูลสนับสนุนการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเป็น L-methylfolate (โครงสร้างในรูปที่พร้อมทำงานของกรดโฟลิก) แทนเพื่อป้องกันความเสี่ยงดังกล่าว
อาหารที่มีโฟเลตสูง
อาหารที่มีโฟเลตสูง ได้แก่ถั่ว เลนทิล ถั่วดำ และถั่วแดง 1 ถ้วยมีปริมาณโฟเลตประมาณ 256 และ 229ไมโครกรัม คิดเป็นร้อยละ 64 และ 57 ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวันตามลำดับ ผักรับประทานใบที่มีสีเขียวเข้ม เช่น ผักโขม โดยผักโขม 1 ถ้วยมีปริมาณโฟเลตประมาณ 260 ไมโครกรัม คิดเป็นร้อยละ 65 ของปริมาณที่ควรได้รับต่อวัน ปริมาณใกล้เคียงกันกับในหน่อไม้ฝรั่ง ผักผลไม้ชนิดอื่นเช่น บรอกโคลี ผลไม้ตระกูลส้ม ซีเรียลที่มีการเสริมกรดโฟลิก (fortified cereal) ขนมปัง พาสตา เป็นต้น