โรคสมองพิการ (Cerebral Palsy: CP) เป็นความพิการทางร่างกายที่พบบ่อยที่สุดในเด็ก เกิดจากหลายสาเหตุร่วมกัน ทำให้เกิดการทำลายอย่างถาวรหรือการพัฒนาผิดปกติแบบเรื้อรังบริเวณสมองส่วนที่ควบคุมการเคลื่อนไหว ในระยะที่สมองกำลังอยู่ในระหว่างการเจริญเติบโต
มักพบในเด็กที่คลอดก่อนกำหนดมากกว่าเด็กคลอดครบกำหนด
โรคสมองพิการส่งผลให้ทารกมีพัฒนาการทางการเคลื่อนไหวและการทรงตัวผิดปกติ จึงมีข้อจำกัดในการทำกิจกรรมต่างๆ
โดยส่วนใหญ่แล้วจะพบร่วมกับความผิดปกติอื่นๆ ได้แก่ การรับรู้ความรู้สึก สติปัญญา การสื่อสาร พฤติกรรม และอาจมีโรคลมชักและภาวะแทรกซ้อนจากระบบกระดูกและกล้ามเนื้อร่วมด้วยได้
สาเหตุของโรคสมองพิการ
สาเหตุของสมองพิการเกิดจากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น พันธุกรรม การอักเสบ การติดเชื้อ การขาดออกซิเจน การได้รับบาดเจ็บต่อสมองที่กำลังพัฒนา ซึ่งอาจเกิดได้ทั้งขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอด หรือภายหลังคลอด
สาเหตุของโรคสมองพิการที่พบบ่อยที่สุดถึง 75-80% คือ ปัจจัยขณะตั้งครรภ์ ได้แก่
- การติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์
- ความผิดปกติในการเจริญพัฒนาของสมอง
- โรคทางพันธุกรรม
- การได้รับสารพิษในครรภ์
- รกผิดปกติ
- ครรภ์แฝด
- ปัจจัยด้านสุขภาพของมารดา เช่น โรคลมชัก ความบกพร่องทางสติปัญญา ไทรอยด์เป็นพิษ เบาหวาน การดื่มสุราหรือใช้สารเสพติด
ปัจจัยช่วงขณะคลอดและระยะช่วงหลังคลอด พบเป็นสาเหตุน้อยกว่า 10% ได้แก่
- การได้รับบาดเจ็บระหว่างการเกิด
- การขาดออกซิเจนระหว่างการเกิด
- ลมชัก
- ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ภาวะตัวเหลือง
- การติดเชื้อ
- เลือดออกในสมอง
ปัจจัยที่เกิดในภายหลัง พบเป็นสาเหตุประมาณ 12-21% ได้แก่
- การจมน้ำ
- การได้รับสารพิษ
- การได้รับอุบัติเหตุ
- การติดเชื้อในสมอง
อาการแสดงของโรคสมองพิการ
อาการนำของเด็กสมองพิการมักมาด้วยพัฒนาการด้านกล้ามเนื้อล่าช้า หรืออาจจะมาด้วยอาการแสดงของระบบอื่นๆ ได้
- อาการแสดงทางระบบประสาทและพฤติกรรม เช่น การร้องกวน มีปัญหาการกินในวัยทารกแรกเกิด นอนหลับยาก อาเจียนบ่อย อุ้มลำบากเนื่องจากจัดท่าได้ยาก จ้องมองหน้าน้อย
- ความผิดปกติของกล้ามเนื้อ เช่น ความตึงตัวของกล้ามเนื้อปกติหรือเพิ่มขึ้น หดเกร็ง กำมือตลอดเวลาหรือกำมือสองข้างไม่เท่ากัน แอ่นคอและหลัง ชันคอได้ไม่ดี ไม่สามารถทรงตัวได้ ตัวอ่อนปวกเปียก ตั้งคลานไม่ได้ กล้ามเนื้อช่องปากทำงานผิดปกติ เช่น แลบลิ้นไม่ได้ แลบลิ้นตลอดเวลา กัดฟันตลอด ทำหน้าแสยะตลอด หรือมีการรับรู้ความรู้สึกเร็วกว่าปกติ พัฒนาการของปฏิกิริยาโต้ตอบต่อสิ่งกระตุ้น ไม่เป็นไปตามวัย เป็นต้น
อาการแสดงจะขึ้นกับชนิดของโรคสมองพิการที่ตัวเด็กเป็น ซึ่งมีทั้งชนิดหดเกร็ง แบบยุกยิก ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ ชนิดเดินเซ และชนิดผสม
โรงสมองพิการแต่ละชนิดจะมีการวินิจฉัยแยกย่อยลงไปในรายละเอียด ซึ่งจำเป็นต้องอาศัยการตรวจเพิ่มเติมทางการแพทย์ รวมทั้งการเฝ้าติดตามดูอาการของตัวเด็ก โดยชนิดสมองพิการแบบหดเกร็ง (Spastic cerebral palsy) จะพบได้บ่อยที่สุดถึง 50-75%
การรักษาโรคสมองพิการ
โรคสมองพิการมีหลายชนิดด้วยกันอย่างที่บอกไปแล้ว แต่ละชนิดจะทำให้เด็กเกิดปัญหาด้านต่างๆ ที่แตกต่างกัน และอาจต้องใช้การรักษาพร้อมกันหลายๆ ด้าน
เช่น ปัญหาการเคลื่อนไหว การดูดกลืน การใช้มือ การสื่อสาร ปัญหาด้านสติปัญญา อารมณ์และสังคม ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือของทีมผู้รักษา ครอบครัว และตัวเด็กเอง
ในเด็กที่ได้รับความรัก ความเข้าใจ และการรักษาตั้งแต่อายุน้อยๆ จะมีโอกาสทางพัฒนาการที่ดีขึ้นได้มากกว่า
ชนิดของโรคสมองพิการนั้นพบว่ามีความสัมพันธ์กับการพยากรณ์โรค ส่วนใหญ่ระดับสติปัญญาที่บกพร่องมักสัมพันธ์กับความรุนแรงของโรค
ถ้าเด็กสมองพิการสามารถเดินได้ก่อนอายุ 2 ปี มักจะมีระดับสติปัญญาปกติถึงใกล้เคียงปกติ โดยอาจช่วยเหลือตนเองโดยใช้รถเข็นหรืออุปกรณ์เสริมได้ แต่ก็มีโรคสมองพิการบางชนิดที่ช่วยเหลือตนเองได้น้อย
เป้าหมายการรักษาคือ ทำให้เด็กสามารถอยู่ในครอบครัวและสังคม ป้องกันความพิการซ้ำซ้อน สามารถใช้ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ เพื่อดำเนินชีวิตในวัยผู้ใหญ่ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นหรือพึ่งพาผู้อื่นน้อยที่สุด
โรคสมองพิการ รักษาได้หรือไม่?
โรคสมองพิการเป็นโรคที่รักษาไม่หายขาด แต่สามารถรักษาฟื้นฟูให้ความผิดปกติลดลง จนสามารถทำหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ และเด็กหลายคนสามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงคนปกติ