หากเด็กคนหนึ่งมีภาวะปัญญาอ่อน สมองของพวกเขาจะมีการพัฒนาน้อยกว่าระดับที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะในด้านสติปัญญาและการปรับตัว นอกจากนี้ยังอาจส่งผลให้ผู้ป่วยภาวะนี้มีความบกพร่องด้านการเรียนรู้ การพูดจา การเข้าสังคม และความพิการทางร่างกายได้อีกด้วย
แพทย์ได้แบ่งภาวะปัญญาอ่อนออกเป็น 4 ระดับ คือ ระดับอ่อน ระดับปานกลาง ระดับรุนแรง และระดับรุนแรงมาก โดยวัดตามค่า IQ และระดับการปรับตัวตามสังคมของเด็ก ดังนี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
- ภาวะปัญญาอ่อนระดับอ่อน
- ใช้เวลานานในการเรียนรู้เพื่อพูดคุย แต่จะมีการสื่อสารดีเป็นปกติเมื่อพวกเขาเรียนรู้แล้ว
- สามารถพึ่งพาตนเองได้เมื่อมีอายุมากขึ้น
- มีปัญหาการอ่านและเขียน
- พัฒนาการทางสังคมไม่สมวัย
- ขาดความสามารถในการจัดการรับผิดชอบกับชีวิตสมรส หรือการเป็นพ่อแม่คน
- มีระดับ IQ ที่ 50-69
- ภาวะปัญญาอ่อนระดับปานกลาง
- มีการทำความเข้าใจและใช้ภาษาช้า
- อาจมีปัญหาด้านการสื่อสารบ้าง
- สามารถเรียนทักษะการอ่าน เขียน และนับเลขพื้นฐานได้
- ไม่สามารถอาศัยตัวคนเดียวได้ แต่สามารถไปยังสถานที่คุ้นเคยได้เองบ่อยครั้ง
- สามารถเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้หลายประเภท
- มักจะมี IQ ที่ 35-49
- ภาวะปัญญาอ่อนระดับรุนแรง
- มีความบกพร่องด้านการเคลื่อนไหวอย่างเห็นได้ชัด
- มีความเสียหายร้ายแรงหรือมีพัฒนาการที่ผิดปกติบริเวณระบบประสาทส่วนกลาง
- มักมี IQ ที่ 20-34
- ภาวะปัญญาอ่อนระดับรุนแรงมาก
- ขาดความสามารถในการทำความเข้าใจหรือปฏิบัติตามคำแนะนำหรือคำร้องขอต่าง ๆ
- อาจเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้
- กลั้นการขับถ่ายไม่ได้
- สามารถสื่อสารแบบไม่ใช้คำพูดแบบง่ายที่สุดได้
- ขาดความสามารถในการดูแลตนเอง ต้องการการดูแลเอาใจใส่ตลอดเวลา
- มี IQ น้อยกว่า 20
ภาวะปัญญาอ่อนที่อยู่ในระดับรุนแรงขึ้นไป จะถูกวินิจฉัยพบตั้งแต่กำเนิด แต่สำหรับระดับอ่อนจะเริ่มสังเกตเห็นได้เมื่อผู้ป่วยมีการเจริญเติบโตระดับหนึ่งและมีพัฒนาการต่างๆ ที่ไม่ตรงตามเป้า อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้เกือบทุกระดับจะถูกวินิจฉัยพบก่อนที่เด็กจะมีอายุถึง 18 ปี
อาการของภาวะปัญญาอ่อน
ภาวะปัญญาอ่อน จะแสดงอาการแตกต่างกันไปตามระดับความรุนแรงของภาวะ แต่พฤติกรรมที่มักพบได้ทุกระยะ ได้แก่
- ก้าวร้าว ดื้อ หัวรั้น
- ต้องพึ่งพาคนอื่น มองเห็นคุณค่าตนเองต่ำ
- ปลีกตัวเองจากกิจกรรมสังคม และชอบอยู่เฉยๆ
- มีพฤติกรรมเรียกร้องความสนใจ และมีแนวโน้มทำร้ายตัวเอง
- มีภาวะซึมเศร้าในช่วงวัยเจริญพันธุ์และวัยรุ่น
- ขาดการยับยั้งชั่งใจตนเอง มีความอดทนต่ออารมณ์หงุดหงิดต่ำ
- มีความผิดปกติทางจิต
- มีปัญหาการใช้สมาธิจดจ่อ และมีปัญหาด้านความทรงจำ
- มีเกณฑ์เฉลี่ยด้านสติปัญญาน้อยกว่ามาตรฐาน เพราะขาดความอยากรู้อยากเห็น
- มีการนั่ง คลาน หรือเดินช้ากว่าเด็กคนอื่น
- มีปัญหาเกี่ยวกับทักษะในการพูดคุย
- ไม่สามารถเข้าใจถึงผลที่จะตามมาจากสิ่งที่กระทำได้
- ขาดความสามารถในการคิดเชิงตรรกะ
- มีพฤติกรรมเด็กๆ ที่ไม่สอดคล้องกับช่วงอายุที่มากขึ้น
- มีปัญหาการเรียนรู้ และมี IQ ต่ำกว่า 70
- ขาดความสามารถในการใช้ชีวิตประจำวัน เนื่องจากมีปัญหาการสื่อสาร การดูแลตนเอง หรือการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น
ผู้ป่วยภาวะปัญญาอ่อนบางรายยังอาจมีลักษณะทางร่างกายที่เป็นเอกลักษณ์บางอย่าง เช่น ตัวเตี้ยหรือมีความผิดปกติของใบหน้า
สาเหตุการเกิดภาวะปัญญาอ่อน
แพทย์สามารถระบุหาสาเหตุการเกิดภาวะปัญญาอ่อนระดับอ่อนได้เพียง 1 ใน 3 และสำหรับระดับปานกลางถึงรุนแรงมากเพียง 2 ใน 3 เท่านั้น โดยสาเหตุที่พบมีดังต่อไปนี้
- ทารกได้รับผลกระทบทางลบก่อนคลอด เช่น การติดเชื้อหรือการสัมผัสกับแอลกอฮอล์ ยาเสพติด และสารพิษอื่นๆ
- เกิดเหตุการณ์ผิดปกติระหว่างคลอด เช่น ขาดออกซิเจน หรือคลอดก่อนกำหนด
- ภาวะทางพันธุกรรม เช่น โรคฟินิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria (PKU)) หรือโรคเกาเชอร์ (Tay-Sachs Disease)
- ภาวะผิดปกติทางโครโมโซม เช่น โรคดาวน์ซินโดรม (Down Syndrome)
- ภาวะตะกั่วหรือปรอทเป็นพิษ
- ภาวะทุพโภชนาการรุนแรง หรือปัญหาด้านโภชนาการอื่นๆ
- โรคภัยของเด็ก เช่น โรคไอกรน (Whooping Cough) หัดเยอรมัน (Measles) หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
- การได้รับบาดเจ็บที่สมองรุนแรง
การวินิจฉัยภาวะปัญญาอ่อน
ตามปกติแล้ว แพทย์จะทำการประเมินภาวะปัญญาอ่อน 3 ขั้นตอน คือ การสัมภาษณ์ผู้ปกครอง การสังเกตเด็ก และการทดสอบมาตรฐาน
เด็กจะได้รับการทดสอบมาตรฐานต่างๆ เช่น Stanford-Binet Intelligence Test ที่จะช่วยให้แพทย์ระบุถึงค่า IQ ของพวกเขาได้ และอาจมีการทดสอบอื่นๆ เช่น Vineland Adaptive Behavior Scales ที่เป็นการทดสอบประเมินทักษะการใช้ชีวิตประจำวันและความสามารถในการเข้าสังคมของเด็ก โดยจะนำข้อมูลที่ได้ไปเทียบกับข้อมูลของเด็กในช่วงอายุเดียวกัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
กระบวนการประเมินเด็กที่เข้าข่ายว่าจะมีภาวะปัญญาอ่อน อาจรวมไปถึงการเข้าพบผู้เชี่ยวชาญท่านอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น จิตแพทย์ นักสังคมสงเคราะห์ กุมารแพทย์แขนงประสาทวิทยา หรือด้านพัฒนาการของเด็ก และนักกายภาพบำบัด
ภาวะอื่นๆ เช่น ภาวะสูญเสียการได้ยิน มีปัญหาด้านการเรียนรู้ ความผิดปกติทางประสาทวิทยา, และปัญหาด้านอารมณ์ สามารถทำให้เกิดพัฒนาการล่าช้าได้ ดังนั้น แพทย์จึงควรต้องตัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดจากภาวะเหล่านี้ก่อนสรุปผลวินิจฉัยว่าเด็กมีภาวะปัญญาอ่อน
การรักษาภาวะปัญญาอ่อน
เป้าหมายของการรักษาเพื่อช่วยให้เด็กมีความพร้อมเข้ารับการศึกษา มีทักษะการเข้าสังคม และการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ จึงมีทั้งการบำบัดพฤติกรรม การทำกิจกรรมบำบัด การรับคำปรึกษา และในบางกรณีก็เป็นการใช้ยา
หากการรักษาเป็นไปได้ด้วยดี เมื่อเด็กโตขึ้น พวกเขาจะสามารถทำงานที่ใช้สติปัญญาพื้นฐานได้ และยังสามารถใช้ชีวิตโดยไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นได้ด้วย ซึ่งในปัจจุบันก็มีบริการช่วยเหลือสำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะปัญญาอ่อนมากมายที่ช่วยให้พวกเขาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่เหมือนคนทั่วไป
พบว่าลูกเป็นโรคเทอเนอร์ ตอนคลอดออกมาแล้ว อยากรู้. เขาจะปัญญาอ่อนไหมค่ะ