โดยทั่วไปการรักษาโรคมะเร็งจะขึ้นกับชนิดของมะเร็งที่เป็น และมักจะใช้หลายการรักษาร่วมกันเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งออกจากร่างกายได้เกลี้ยงที่สุด
การรักษาโรคมะเร็งมีหลายประเภท ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ผู้ป่วยจะได้รับการรักษาหลายอย่างร่วมกัน ซึ่งการรักษาที่คุณได้รับนั้นอาจเป็นส่วนหนึ่งของการวิจัยทางคลินิกไปด้วย
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การรักษาสำหรับมะเร็งที่มีอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่:
- การผ่าตัด (Surgery) - การผ่าตัดเพื่อกำจัดมะเร็งเป็นวิธีการรักษาหลักสำหรับโรคมะเร็งหลายชนิด
- รังสีรักษา (Radiotherapy) - ซึ่งมักคุ้นหูกับคำว่า การฉายแสง วิธีนี้จะใช้รังสีเอกซ์พลังงานสูงเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
- เคมีบำบัด (Chemotherapy) - โดยการใช้ยาต้านมะเร็ง (anticancer/ cytotoxic drug) เพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง
- วิธีฮอร์โมนบำบัด (Hormonal therapy) - ช่วยลดระดับฮอร์โมนในร่างกายหรือปิดกั้นฮอร์โมนจากร่างกายไม่ให้เข้าถึงเซลล์มะเร็งและทำให้เซลล์มะเร็งเจริญเติบโตช้าลง
- การให้ยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง (Targeted therapy) - ทำการทำลายเซลล์มะเร็งโดยการใช้ยาแทรกแซงความสามารถในการเติบโตของมะเร็ง
- การรักษาด้วยสเต็มเซลล์หรือไขกระดูก (stem cell or bone marrow treatment) - ซึ่งทำให้สามารถใช้ยาต้านมะเร็งในปริมาณสูง หรือทำให้เกิดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายระบบใหม่เพื่อต่อสู้กับโรคมะเร็ง
นอกจากนี้ คุณยังอาจได้รับการรักษาแบบประคับประคองในการรักษาผลข้างเคียงของการรักษาหลัก การรักษาประคับประคองดังกล่าว เช่น:
- การรักษาเพื่อรักษาการติดเชื้อ หรือลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- ยาสเตียรอยด์
- การถ่ายเลือด
- การเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก
ผู้ป่วยบางคนยังใช้การแพทย์ทางเลือกหรือการบำบัดเสริมอื่น ๆ เช่น การนวดหรือการบำบัดผ่อนคลายนอกเหนือจากการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน การแพทย์ทางเลือกนั้นไม่ได้มีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งโดยตรง แต่ผู้ป่วยบางคนอาจใช้การแพทย์ทางเลือกดังกล่าวเพื่อพัฒนาสุขภาพทางกายหรือสุขภาพจิตใจของตนเองหรือเพื่อบรรเทาอาการหรือผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นจากการแพทย์แผนปัจจุบัน โปรดแจ้งแพทย์ประจำตัวของคุณเสมอหากคุณกำลังคิดเกี่ยวกับการใช้วิธีการบำบัดอื่น ๆ หรือการแพทย์ทางเลือก แม้ว่าการบำบัดหลายอย่างจะปลอดภัยในการใช้ควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน แต่บางการบำบัดอาจจะไม่เหมาะและทำให้ผลการรักษาแย่ลง
งานวิจัยทางคลินิกหลายชิ้นกำลังค้นหาวิธีการรักษาแบบใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิธีการรักษามาตรฐานที่มีอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งอาจเป็นการทดสอบยาตัวใหม่ การค้นคว้าวิธีต่าง ๆ ในการดำเนินหัตถการหรือค้นหาวิธีใหม่ในการให้การรักษา นักวิจัยต่างมุ่งมั่นที่จะหาวิธีการรักษาที่ทำงานได้ดีที่สุดและก่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
การผ่าตัด (Surgery)
การผ่าตัดเป็นหนึ่งในวิธีหลักของการรักษาโรคมะเร็ง และสามารถถูกนำมาใช้ด้วยเหตุผลหลายประการ การผ่าตัดสามารถใช้เพื่อเหตุผลต่าง ๆ ดังนี้:
- เพื่อวินิจฉัยโรคมะเร็ง
- เพื่อกำจัดรอยโรคมะเร็ง
- เพื่อหาว่าขนาดมะเร็งใหญ่แค่ไหนและหาว่ามะเร็งดังกล่าวได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่น ๆ ของร่างกายแล้วหรือไม่
- เพื่อควบคุมอาการของโรคมะเร็ง
- เพื่อฟื้นฟูหรือทดแทนส่วนต่างๆของร่างกาย (เช่น การผ่าตัดเสริมสร้างเต้านม)
การผ่าตัดสามารถรักษามะเร็งได้หลายชนิด
ซึ่งประเภทของการผ่าตัดที่คุณจะได้รับนั้นขึ้นกับมะเร็งที่ต้องได้รับการรักษา แพทย์หรือพยาบาลของคุณสามารถแจ้งข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการผ่าตัดของคุณได้ละเอียดมากขึ้น
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
รังสีรักษา (Radiotherapy)
รังสีรักษาหมายถึงการใช้รังสีที่มีพลังงานสูงเพื่อรักษาโรค สามารถให้ทั้งจากทางภายนอกร่างกาย และฝังอยู่ภายในร่างกาย โดยมักคุ้นหูคนไทยในคำว่า การฉายแสง
- รังสีรักษาจากภายนอกร่างกาย (External radiotherapy) มีจุดมุ่งหมายจะให้รังสีเอกซ์พลังงานสูงยิงไปยังพื้นที่ที่ต้องการโดยใช้เครื่องขนาดใหญ่เป็นจุดกำเนิดรังสี
- รังสีรักษาฝังภายในร่างกาย (Internal radiotherapy) คือ การนำสารกัมมันตภาพรังสีเข้าไปอยู่ภายในร่างกาย โดยคุณสามารถได้รับรังสีรักษาด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน แพทย์สามารถให้การรักษาด้วยรังสีรักษาเพื่อพยายามทำลายเนื้องอกและรักษามะเร็ง นี้เรียกว่าการรักษาขจัดโรค (Curative treatment) ซึ่งอาจใช้รังสีรักษานี้ร่วมกับการรักษาอื่น ๆ เช่น การผ่าตัดหรือเคมีบำบัดได้
- หากมะเร็งนั้นไม่สามารถรักษาได้หายขาด แพทย์อาจให้รังสีรักษาเพื่อช่วยบรรเทาอาการที่คุณมี ซึ่งเรียกว่าการรักษาแบบประคับประคอง (Palliative treatment)
- รังสีรักษาออกฤทธิ์โดยการทำลายเซลล์มะเร็งในพื้นที่ที่ได้รับรังสี เซลล์ปกติในบริเวณนั้นอาจได้รับความเสียหายจากรังสีรักษาไปด้วยซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง ตามมา เซลล์มะเร็งจะไม่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้หลังจากได้รับรังสี ซึ่งต่างจากเซลล์ปกติที่สามารถซ่อมแซมตัวเองได้
ประเภทของรังสีรักษาที่คุณจะได้รับนั้นขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งที่คุณเป็นและระยะของโรคมะเร็งในแต่ละบุคคล
เคมีบำบัด (Chemotherapy)
เคมีบำบัดนั้นใช้ยาต้านมะเร็งเพื่อทำลายเซลล์มะเร็ง ยาดังกล่าวยังมีผลต่อเซลล์ปกติที่มีสุขภาพดีทำให้เกิดผลข้างเคียงร่วมด้วย เช่น รู้สึกคลื่นไส้ หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
แตกต่างจากเซลล์มะเร็ง เซลล์ปกติเหล่านี้มักสามารถซ่อมแซมตัวเองได้ ซึ่งทำให้ผลข้างเคียงส่วนใหญ่จะดีขึ้นเมื่อการรักษาเสร็จสิ้น
การรักษาด้วยเคมีบำบัดสามารถถือเป็นการรักษาหลักของโรคมะเร็ง หรือใช้หลังจากการรักษาอื่น ๆ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการกลับมาเป็นมะเร็งซ้ำ หรืออาจจะช่วยลดขนาดของก้อนมะเร็งได้ก่อนการผ่าตัด หรือการฉายรังสีรักษา ซึ่งบางครั้งก็ใช้พร้อมกับการรักษาด้วยรังสีควบคู่กันไป (chemoradiation)
เคมีบำบัดยังช่วยควบคุมโรคมะเร็งไม่ให้เกิดการแพร่กระจายและช่วยบรรเทาอาการต่าง ๆ ลงได้
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
การรักษาด้วยเคมีบำบัดที่คุณจะได้รับขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น โรคมะเร็งมีความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำหรือไม่ หรือมะเร็งนั้นมีการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นหรือไม่ บางคนจะต้องทำการตรวจพิเศษในช่วงระหว่างการรักษาเสมอเพื่อตรวจสอบว่ามะเร็งที่พวกเขาเป็นอยู่นั้นตอบสนองต่อการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือไม่
คุณมักจะได้รับยาเคมีบำบัดโดยการฉีดหรือถูกหยดเข้าหลอดเลือดดำ หรืออาจทานในรูปแบบยาเม็ด ในบางครั้งก็สามารถให้ในรูปแบบอื่น ๆ เช่น การฉีดเข้าไขสันหลัง หรือฉีดเข้ากระเพาะปัสสาวะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งที่เป็นอยู่
การให้ยาเจาะจงเซลล์มะเร็ง (Targeted therapy)
การให้ยาเจาะจงเซลล์มะเร็งหรือการบำบัดทางชีวภาพ (Biological therapy) สามารถใช้เพื่อเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อควบคุมการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง หรือเพื่อเอาชนะผลข้างเคียงของการรักษาอื่น
การให้ยาเจาะจงดังกล่าวมีหลายชนิดด้วยกัน ได้แก่:
- โมโนโคลนอลแอนติบอดี (Monoclonal antibodies)
- สารยับยั้งการเจริญเติบโตของมะเร็ง (Cancer growth inhibitors)
- สารยับยั้งการเกิดเส้นเลือดใหม่ (Angiogenesis inhibitors)
- การให้วัคซีน
วิธีฮอร์โมนบำบัด (Hormonal therapy)
ฮอร์โมนเป็นสารเคมีธรรมชาติที่ผลิตในร่างกาย โดยทำหน้าที่เป็นสารส่งสัญญาณต่าง ๆ และมีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโตและกิจกรรมของเซลล์หลายอย่าง ฮอร์โมนผลิตโดยอวัยวะและต่อมต่าง ๆ ซึ่งรวมกันเรียกว่าระบบต่อมไร้ท่อ (Endocrine)
การรักษาด้วยฮอร์โมนนั้นก็เพื่อเปลี่ยนแปลงการผลิตฮอร์โมน หรือการทำงานของฮอร์โมนในร่างกาย โดยมักใช้วิธีนี้ในการรักษามะเร็งเต้านมและมะเร็งต่อมลูกหมาก ประเภทของการรักษาด้วยฮอร์โมนจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็งที่กำลังได้รับการรักษา
มีการรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดหลายประเภท โดยทั่วไปมักใช้เป็นยาเม็ดสำหรับทานหรือยาฉีดเข้าสู่ร่างกาย โดยผลข้างเคียงจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับยาแต่ละชนิด ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยนั้น ได้แก่ ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ปวดศีรษะ คลื่นไส้ และปวดเมื่อยตามข้อต่อและกล้ามเนื้อ
การรักษาด้วยสเต็มเซลล์ (Stem cells)
สเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิด หมายถึง เซลล์เม็ดเลือดในระยะแรกสุดของการพัฒนา เซลล์เม็ดเลือดในร่างกายทั้งหมดพัฒนามาจากเซลล์ต้นกำเนิดดังกล่าว โดยผลิตจากไขกระดูกซึ่งเป็นส่วนที่คล้ายฟองน้ำเป็นตาข่ายอยู่ภายในกระดูกของคุณ
มีการรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์สองชนิด:
- การรักษาด้วยยาปริมาณสูงร่วมกับการเสริมสเต็มเซลล์ (high-dose treatment with stem cell support)
- การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากบุคคลอื่น (allogenic stem cell transplants)
การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์หรือเซลล์ต้นกำเนิดจากผู้บริจาคคนอื่นนั้นมีศัพท์ทางการแพทย์สำหรับกระบวนการนี้เรียกว่า allogenic transplant บางครั้งก็เรียกว่า allograft หรือมักเรียกกันในภาษาทั่วไปว่า การปลูกถ่ายไขกระดูก (bone marrow transplant)
การปลูกถ่ายไขกระดูกดังกล่าวสามารถนำมาใช้เพื่อรักษามะเร็งหลายชนิด เช่น โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มัยอีโลมา (Myeloma) และโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว และบางครั้งก็ใช้เพื่อรักษาโรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับไขกระดูกหรือระบบภูมิคุ้มกัน
จุดมุ่งหมายของการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากผู้บริจาค คือ การแทนที่ไขกระดูกและระบบภูมิคุ้มกันของคุณทั้งหมดให้เหมือนกับของผู้บริจาค ซึ่งจะเป็นไขกระดูกใหม่ที่มีสุขภาพดีและระบบภูมิคุ้มกันใหม่ที่สามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งที่คงเหลืออยู่ได้
การรักษาด้วยยาปริมาณสูง
การรักษาด้วยยาในปริมาณสูงร่วมกับการเสริมสเต็มเซลล์นั้นมักจะเป็นทางเลือกการรักษาต่อจากการให้เคมีบำบัด วิธีการนี้เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่ยังหลงเหลืออยู่ และสามารถเพิ่มอัตราการกำจัดโรคให้หายขาดของมะเร็งและมะเร็งเม็ดเลือดขาวจำนวนหนึ่ง
การรักษาด้วยยาปริมาณสูงร่วมกับการเสริมสเต็มเซลล์จะเกี่ยวข้องกับการเก็บสเต็มเซลล์ของคุณและปลูกถ่ายคืนให้กับคุณหลังจากได้รับการรักษา กระบวนการนี้จะทำให้ร่างกายคุณสามารถรับปริมาณเคมีบำบัดได้มากกว่าปกติ
การรักษานี้เกี่ยวข้องกับการปลูกถ่ายเซลล์ของตนเอง ซึ่งมีศัพท์ทางการแพทย์ว่า autologous transplant วิธีนี้ถูกใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งที่แตกต่างกันหลายชนิด รวมถึงมะเร็งเม็ดเลือดขาวและมะเร็งต่อมน้ำเหลืองบางชนิด นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อรักษาความผิดปกติทางการแพทย์ที่ไม่ใช่มะเร็งและพบได้ยากได้อีกด้วย
https://www.nhsinform.scot/illnesses-and-conditions/cancer/how-is-cancer-treated