การเข้าใจสถิติพื้นฐานของผู้รอดชีวิตจากโรคมะเร็ง จะสามารถช่วยให้คุณเข้าใจถึงโอกาสรอดชีวิตจากโรคมะเร็งที่คุณหรือคนรู้จักกำลังเป็นอยู่ อย่างไรก็ตามสถิติเหล่านี้เป็นเพียงการประมาณเท่านั้น และไม่ได้นำปัจจัยเกี่ยวกับตัวคุณเข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้น จึงไม่สามารถระบุระยะเวลาแน่นอนที่คุณหรือคนรู้จักซึ่งกำลังป่วยด้วยโรคมะเร็งจะมีชีวิตอยู่ได้
สถิตินี้นำมาจากข้อมูลของสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society) และศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC)
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 1 ในสหรัฐอเมริกาหรือไม่?
คำตอบคือไม่ โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ 2 รองจากโรคหัวใจ โรคมะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในผู้ชายคือมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่มะเร็งที่ทำให้เสียชีวิตได้มากที่สุดในผู้ชายคือมะเร็งปอด ส่วนในผู้หญิง มะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดคือ มะเร็งเต้านม แต่มะเร็งที่ทำให้เสียชีวิตมากที่สุดคือมะเร็งปอดเช่นเดียวกับผู้ชาย
มีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งกี่คนต่อวัน
ในสหรัฐอเมริกามีผู้เสียชีวิตจากโรคมะเร็งประมาณ 1,620 คนต่อวันในปี 2015 หรือประมาณ 590,000 คนต่อปี อ้างอิงจากสมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา
มีผู้ป่วยกี่เปอร์เซ็นต์ที่ยังคงมีชีวิตได้ที่ 5 ปีหลังการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง
มีประมาณ 68% ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งระหว่างปี 2004 – 2010 ที่ยังคงมีชีวิตอยู่ 5 ปีหลังจากวินิจฉัย ซึ่งมากกว่าในกลุ่มที่ได้รับการวินิจฉัยเมื่อปี 1975-1977 ซึ่งมีชีวิตอยู่เพียง 49% แต่จากข้อมูลดังกล่าว ไม่ได้มีการแยกระหว่างคนที่อยู่ในช่วงที่โรคสงบ ทั้งแบบชั่วคราวและถาวร ออกจากกลุ่มที่ยังคงได้รับการรักษาอยู่ ดังนั้น ข้อมูลนี้จึงบอกเพียงแค่จำนวนคนที่ยังมีชีวิตอยู่โดยไม่ได้คิดถึงการรักษา คุณภาพชีวิตและปัจจัยอื่น ๆ
ข้อมูลนี้ไม่รวมถึงมะเร็งบางชนิดที่ตรวจเจอตั้งแต่ระยะแรก ซึ่งอาจไม่ทราบว่าเป็นหากไม่ได้ตรวจคัดกรองโรค เช่น ในมะเร็งต่อมลูกหมาก อาจตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกโดยที่ผู้ป่วยไม่เคยทราบมาก่อน และมะเร็งนี้จะไม่รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิต ซึ่งหมายความว่าผู้ป่วยจะมีชีวิตอยู่แน่นนอนไม่ว่าจะได้รับการวินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งหรือไม่
ข้อมูลเหล่านี้หมายความว่าอย่างไรต่อฉันหรือคนรู้จักที่กำลังป่วยเป็นโรคมะเร็ง?
ถึงแม้ว่าสถิติพื้นฐานเหล่านี้อาจช่วยในการเข้าใจโรคมะเร็งได้มากขึ้น แต่คุณควรใช้ข้อมูลนี้อย่างระมัดระวังภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ซึ่งควรระลึกไว้ว่าสถิตินี้ไม่ได้นำปัจจัยส่วนบุคคลซึ่งอาจส่งผลบวกหรือลบต่อโรคของคุณเข้ามาพิจารณาด้วย ดังนั้น อย่าสับสนกับตัวเลขเหล่านี้มากเกินไป คุณสามารถปรึกษากับทีมแพทย์เพื่อเน้นไปที่วิธีการรักษาและการปฏิบัติตัวต่อไป
อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2004-2010 ที่ผ่านมา มีความก้าวหน้าทางการรักษาโรคมะเร็งเกิดขึ้นหลายอย่างซึ่งอาจช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยได้ แต่ยังไม่มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์มายืนยัน เนื่องจากสถิติเหล่านี้เป็นการศึกษาประชากรจำนวนมากจึงต้องใช้เวลาในการวิเคราะห์ข้อมูล