ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจขาดเลือดเกือบครึ่งนั้นไม่รู้ว่าตนเองกำลังเกิดอาการของโรคดังกล่าว ทำให้เราสามารถวินิจฉัยโรคนี้ได้หลังจากที่เกิดภาวะดังกล่าวไปแล้วจากการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจหรือการตรวจอื่นๆ ที่ทำให้พบว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นในหัวใจ
ภาวะนี้อาจเกิดจากการที่บางคนสามารถทนต่อความเจ็บปวดได้มากกว่าปกติ บางคนอาจเข้าใจผิดว่านั่นเป็นอาการของภาวะอาหารไม่ย่อยหรือเกิดจากการปวดกล้ามเนื้อ ในขระที่บางคนอาจรู้สึกปวดแต่เป็นการปวดที่ร่างกายส่วนบนตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่หน้าอกข้างซ้าย
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
คนเรามีการรับความรู้สึกที่แตกต่างกัน
ผู้ป่วยหลายคนมักไม่ทันได้สังเกตตัวเองในขณะที่กำลังเกิดหัวใจขาดเลือด เนื่องจากอาการเจ็บหน้าอกนั้นพบได้เพียงแค่ประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยเท่านั้น และหลายคนอาจจะรู้สึกแตกต่างกันเช่นบางคนอาจรู้สึกอึดอัดอยู่ภายในช่องอก ในขณะที่บางคนอาจรู้สึกปวดอยู่ข้างในคล้ายกับเวลาปวดฟัน
ผู้ป่วยหลายคนไวต่อความเจ็บปวดน้อยกว่าคนอื่นๆ หรืออาจจะคิดว่าพวกเขาสามารถทนต่อความเจ็บปวดนั้นได้ทำให้ไม่รู้สึกว่านั่นคืออาการปวด และมีปัจจัยอื่นๆ ที่ส่งผลต่อการรับความเจ็บปวดของร่างกายเช่นกันเช่นภาวะอารมณ์ในขณะนั้น นอกจากนั้นผู้ที่เป็นโรคเบาหวานอาจจะไวต่อความเจ็บปวดน้อยกว่าปกติเนื่องจากโรคเบาหวานจะไปทำลายเส้นประสาท และทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจขาดเลือดโดยไม่รู้ตัวเพิ่มมากขึ้น
ตำแหน่งที่มักเกิดอาการปวดในผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด
ในขณะที่หัวใจกำลังขาดเลือด ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดในตำแหน่งที่แตกต่างกันออกไป โดยอาจเกิดอาการปวดที่แขน ไหล่ คอ ขากรรไกร หรือส่วนใดก็ได้ภายในร่างกายส่วนบน นอกจากนั้นยังอาจมีอาการอื่นๆ เช่นคลื่นไส้ อาเจียน และอ่อนแรง
อาการของภาวะหัวใจขาดเลือด
อาการที่มักพบได้บ่อยที่สุดของภาวะนี้คืออาการเจ็บที่ตรงกลางหน้าอก แต่ก็ไม่ได้พบในผู้ป่วยทุกคน บางคนอาจมีอาการอื่นที่พบได้ไม่บ่อยก็ได้
อาการที่พบได้บ่อยของภาวะหัวใจขาดเลือด
- เจ็บหน้าอกเหมือนมีอะไรมาทับหรือแน่นภายในอก
- มีอาการเจ็บที่ร้าวไปยังร่างกาย่วนบนโดยเฉพาะที่ไหล่ คอ หรือแขน
- เหงื่อออก
อาการที่พบได้ไม่บ่อยของภาวะหัวใจขาดเลือด
- หายใจลำบาก
- อ่อนแรง
- คลื่นไส้หรืออาเจียน
- เวียนหัว
- ปวดหลังหรือขากรรไกร
- อ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ