มีผู้หญิงหลายคนที่ต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการแสบช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์หรือหลังใช้ยาเหน็บอีกด้วย อาการเหล่านี้นับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่ควรมองข้าม เพราะอาการดังกล่าวมักเป็นอาการที่แสดงออกของโรค “เชื้อราในช่องคลอด” โดยพบว่าผู้หญิงจำนวน 3 ใน 4 คน เคยเป็นโรคนี้อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตกันเลยทีเดียว
สาเหตุของโรคเชื้อราในช่องคลอด
โรคเชื้อราในช่องคลอดเป็นโรคที่พบบ่อยมากในผู้หญิง และเป็นโรคอันดับต้นๆ ที่ทำให้มีอาการแสบช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์เลยทีเดียว โดยเกิดจากเชื้อราในช่องคลอดที่มีจำนวนเพิ่มมากอย่างผิดปกติ ทำให้สภาพภายในช่องคลอดเสียสมดุลจนทำให้เกิดการติดเชื้อ
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
เชื้อราที่ทำให้ติดเชื้อมีหลายสายพันธุ์ แต่พบมากที่สุดคือ “แคนดิดา อัลบิแคนส์” (Candida Albicans) ส่วนสายพันธุ์อื่นพบไม่บ่อยนัก โดยปัจจัยที่ทำให้เป็นโรคนี้คือมีการใช้ยาปฏิชีวนะนานเกินไป ทำให้จำนวนแบคทีเรียที่ชื่อแลกโตบาซิลลัสในช่องคลอดลดลง หรืออาจเกิดจากการตั้งครรภ์รวมถึงโรคบางชนิด และยังมีบางรายที่รับประทานยาคุมกำเนิดในปริมาณสูง กับบางรายที่ล้างช่องคลอดอย่างผิดวิธี ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เป็นโรคเชื้อราในช่องคลอดขึ้นมาบ่อยๆได้
อาการของโรคเชื้อราในช่องคลอด
โรคเชื้อราในช่องคลอดจะก่อให้เกิดอาการระคายเคืองตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงขั้นรุนแรง รู้สึกแสบช่องคลอดหลังเพศสัมพันธ์ ปัสสาวะแสบขัด มีอาการคัน ร่วมกับการมีตกขาวมากผิดปกติ และมีลักษณะคล้ายนมบูด เป็นน้ำใส หรือขาวข้นจับตัวเป็นก้อน ช่องคลอดมีอาการบวมแดง เกิดผื่นทั้งภายในและภายนอกของอวัยวะเพศ
ผู้ป่วยบางรายอาจพบการเป็นซ้ำในช่วงก่อนมีประจำเดือน และจะรู้สึกแสบช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์มากขึ้นอีกด้วย มักจะมีอาการรุนแรงมากหรือเรื้อรัง หากไม่รีบไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษา
การรักษาโรคเชื้อราในช่องคลอด
- แพทย์สอบถามข้อมูลของผู้ป่วย ลักษณะของอาการที่เป็น ลักษณะของตกขาว ประวัติการติดเชื้อราหรือประวัติการติดต่อทางเพศสัมพันธ์
- ตรวจภายใน ผู้หญิงบางรายอาจมีอาการผิดปกติจนสามารถตรวจพบได้จากด้านนอกของอวัยวะเพศทันที หรืออาจจะต้องตรวจภายใน เพื่อหาความผิดปกติจากภายในช่องคลอดอีกครั้ง โดยเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งหรือตกขาว ส่งให้ทางห้องตรวจปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์หาเชื้อโรคที่เป็น
- การให้ยา เมื่อตรวจวิเคราะห์แล้วแพทย์มักจะให้ยาต้านเชื้อราเป็นหลัก ซึ่งมีทั้งรูปแบบการรับประทาน ครีมขี้ผึ้ง หรือยาเหน็บ โดยแพทย์จะพิจารณาความรุนแรงของโรคและให้ชนิดของยาตามชนิดของเชื้อราที่เป็น
การดูแลตนเองขณะเป็นโรคเชื้อราในช่องคลอด
- ถ้าเป็นประจำเดือนขณะอยู่ระหว่างการรักษาโรคเชื้อราในช่องคลอด ควรใช้ผ้าอนามัยแบบแผ่นแทนแบบสอด
- ควรใช้น้ำเปล่าล้างทำความสะอาด โดยไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหรือสบู่ เพราะจะทำให้เพิ่มอาการระคายเคืองได้ และไม่ควรสวนล้างช่องคลอด
- รับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด หากกลับมาเป็นซ้ำจะต้องไปพบแพทย์เพื่อรักษาให้หายขาด
- กรณีที่อวัยวะเพศมีอาการบวมแดงมากๆ ใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบบริเวณที่เป็นเพื่อบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
- ควรใช้เจลหล่อลื่นช่วยในขณะที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันอาการแสบช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์
- อาการแสบช่องคลอดหลังใช้ยาเหน็บ อาจเป็นเพราะวิธีสอดยาเหน็บยังไม่ถูกวิธี ดังนั้นเมื่อแกะเม็ดยาออกมาแล้วให้จุ่มยาเหน็บให้เปียกเสียก่อน เพื่อช่วยให้การสอดยาที่ช่องคลอดนั้นง่ายขึ้น ไม่แห้งจนแสบหลังใช้ยาเหน็บอีก
โรคเชื้อราในช่องคลอดเป็นโรคที่ไม่น่าอายและรักษาให้หายขาดได้ พร้อมกับปฏิบัติดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี อาการแสบช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์และหลังใช้ยาเหน็บเพราะโรคเชื้อราในช่องคลอดจะไม่เป็นอีกเลย แต่ถ้าเป็นแบบรุนแรงก็ไม่ควรซื้อยามารับประทานเอง เพราะจะเสี่ยงต่อการดื้อยาและมักกลับมาเป็นซ้ำอีกในเวลาไม่นาน