คนส่วนใหญ่ทราบกันดีว่าโรคอีสุกอีใสเป็นโรคที่พบได้บ่อยในวัยเด็กและไม่เป็นอันตราย เด็กที่เป็นโรคอีสุกอีใสมักมีอาการไข้สูง และรู้สึกไม่สบายเป็นเวลาหลายวัน ผื่นขึ้นเป็นตุ่มน้ำใสที่แตกง่ายตามหน้าอก หลัง หรือหน้าท้อง โดยปกติแผลเหล่านี้จะเริ่มแห้งเป็นสะเก็ด และเริ่มหายดีภายในสามถึงสี่วัน มีน้อยกรณีที่โรคอีสุกอีใสนั้นจะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง และถึงแก่ความตาย
การป้องกันโรคอีสุกอีใสในเด็ก
แนวทางทางการแพทย์แพทย์ปัจจุบันแนะนำให้เด็กทุกคนได้รับวัคซีนอีสุกอีใส แม้ว่าเด็กที่ได้รับการฉีดวัคซีนอาจจะมีโอกาสติดเชื้อโรคอีสุกอีใสได้อยู่บ้าง แต่ก็จะทำให้โรคนี้มีอาการรุนแรงน้อยลง และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ลดลงเช่นกัน
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ลูกของคุณมีโอกาสได้รับเชื้ออีสุกอีใสหรือไม่
เมื่อทราบว่ามีเด็กติดเชื้ออีสุกอีใสภายในโรงเรียน ลองถามเพิ่มเติมว่าเด็กคนนั้นอยู่ในชั้นเรียนกับบุตรหลาน หรือเป็นเพื่อนเล่นประจำของพวกเขาหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้น บุตรหลานของคุณจะมีโอกาสได้รับเชื้ออีสุกอีใสมาแล้ว ให้ตรวจสอบอาการของพวกเขาทุกวันในระหว่างระยะฟักตัวของโรคซึ่งกินเวลาสองถึงสามสัปดาห์ ว่ามีอาการเป็นไข้และตุ่มน้ำใสตามตัวหรือไม่
โรคหอบหืดซึ่งรักษาด้วยเสตียรอยด์ กับโรคอีสุกอีใสในวัยเด็ก
เด็กหลายคนที่เป็นโรคหอบหืดจะได้รับการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานเป็นเวลานานหลายเดือน หรือหลายปีเพื่อลดอาการบวม และทางเดินหายใจที่ตีบแคบ ชื่อของยาเหล่านี้ที่ได้ยินกันบ่อยคือ ยา prednisolone ในขณะที่เด็กบางส่วนอาจได้รับการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานเป็นระยะเวลาสั้นๆเท่านั้นประมาณห้าถึงเจ็ดวัน การรักษาระยะสั้นนี้จะจำเป้นในสถานการณ์ฉุกเฉิน เมื่อความรุนแรงของโรคหอบหืดเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งแม้ว่ากลุ่มยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานนั้นเป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถยับยั้งการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายได้ แต่เด็กที่ได้รับยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทานนั้นไม่ค่อยมีภาวะแทรกซ้อนจากอีสุกอีใสเท่าใดนัก
ไม่มีหลักฐานว่ายาสเตียรอยด์ชนิดสูดดมนั้นก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้นสำหรับเด็กที่เป็นโรคหอบหืดที่สัมผัสกับเชื้อโรคอีสุกอีใส ยาสเตียรอยด์ชนิดสูดดมเป็นยาสำคัญซึ่งจะถูกใช้เพื่อบรรเทาอาการในระยะยาว และลดความจำเป็น และลดขนาดในการใช้ยาเสริมอื่นๆ เช่น ยาสเตียรอยด์ชนิดรับประทาน
โดยปกติเด็กที่เป็นโรคหอบหืดที่ได้รับการรักษาด้วยยาสเตียรอยด์ชนิดใดก็ตาม และเกิดมีอาการอีสุกอีใสขึ้นควรเข้ารับการรักษาด้วยยาดังกล่าวต่อไป การหยุดการรักษาด้วยโรคหอบหืดที่กำหนดไว้เป็นความเสี่ยงอันตรายรุนแรงมากกว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยาสเตียรอยด์ในช่วงการระบาดของโรคอีสุกอีใส
หากบุตรของท่านป่วยเป็นโรคอีสุกอีใสในขณะที่กำลังรักษาโรคหอบหืดด้วยยาสเตียรอยด์ชนิดฉีด หรือชนิดรับประทานให้แจ้งกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ของบุตรหลานท่านทันที แพทย์อาจสั่งให้มีการฉีดวัคซีน Varicella zoster immune globulin (VariZIG) อย่างไรก็ตาม หากบุตรของท่านได้รับการรักษาด้วยสเตียรอยด์ชนิดสูดดม แต่ไม่ได้ใช้ยาชนิดรับประทาน VariZIG นี้มักไม่จำเป็น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้อาจสั่งยา acyclovir ให้ทานเพิ่มเติม ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ช่วยลดผลกระทบของโรคอีสุกอีใส
ที่มา: http://acaai.org/asthma/condit...