May 30, 2019 16:50
ตอบโดย
วชิรวิทย์ สุทธิศักดิ์ (แพทย์ทั่วไป) (นพ.)
ยิ่งกินเร็วโอกาสท้องยิ่งน้อยครับ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลรบกวนกระบวนการตกไข่ รบกวนการที่อสุจิจะเข้าไปผสมกับไข่ รวมทั้งส่งผลเปลี่ยนแปลงเยื่อบุโพรงมดลูกเพื่อทำให้ยากแก่การฝังตัวของไข่ที่ผสมกับอสุจิแล้ว การรับประทานยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% แต่เป็นการไปลดโอกาสตั้งครรภ์ลงจากเดิม ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินหากรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มยาเม็ดแรกภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุดครับ
ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน เช่น คลื่นไส้อาเจียน คัดตึงเต้านม
และ
หลังรับประทานยาคุมฉุกเฉินจะมีเลือดออกทางช่องคลอดได้ ประมาณ ภายใน1 สัปดาห์หลังกินยา ซึ่งไม่ใช่เลือดประจำเดือน (อาจจะมากระปริบกระปรอย หรือ ไม่มีก็ได้ครับ)
ส่วนประจำเดือนจะมาไกล้เคียงกับรอบประจำเดือนปกติ เเต่อาจมาเร็วหรือช้ากว่ารอบเดือนปกติได้ 1-3สัปดาห์
ดังนั้น หากเกิน3สัปดาห์ไปเเล้วจากวันที่ประจำเดือนควรจะมา
ให้ตรวจการตั้งครรภ์นะครับ
........
การจะให้ชัวร์ว่าไม่ท้องก็ต้องรอประจำเดือนจริงๆมาครับ ซึ่งก็อาจจะเลื่อนได้จากผลของยา หากต้องการตรวจการตั้งครรภ์ ตรวจได้เร็วที่สุด2สัปดาห์หลังมีเพศสัมพันธ์ครับ ระหว่างนี้ถ้ามีเพศสัมพันธ์ใช้ถุงยางไปก่อนครับ
เเละการคุมกำเนิดโดยการคุมกำเนิดฉุกเฉินไม่ควรใช้เกินสองแผงต่อเดือนครับ
...........
หลังจากนี้ถ้าชัวร์ว่าไม่ท้องเเละประจำเดือนมาเเล้ว เเนะนำเลือกวิธีคุมกำเนิด เช่น ยาคุมรายเดือน ฝังยาคุม ฉีดยาคุม หรือใช้ถุงยางอนามัยครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
การที่ยาคุมฉุกเฉิน ไปมีฤทธิ์ทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่เหมาะกับการฝั่งไข่นี่มีเปอร์เซ็นต์มากมั้ยคะ ที่จะทำให้ไม่เกิดการตั้งครรภ์
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
แม้ยาคุมฉุกเฉินจะมีหลายกลไกในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่การศึกษาในปัจจุบันชี้ว่ากลไกชะลอไข่ตกเป็นกลไกหลักที่มีประสิทธิภาพกว่ากลไกอื่น ๆ ค่ะ ดังนั้น หากยาไปชะลอการตกของไข่ไม่สำเร็จ และมีไข่ตกมาในช่วงที่มีเพศสัมพันธ์จริง ๆ ก็เสี่ยงที่ยาคุมฉุกเฉินจะป้องกันไม่ได้ผลนะคะ
อย่างไรก็ตาม วันที่มีไข่ตกจริงอาจคลาดเคลื่อนไปจากวันที่คาดการณ์ไว้ได้ค่ะ ดังนั้น หากมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือป้องกันแล้วแต่เกิดความผิดพลาดขึ้น คงไม่อาจทราบแน่ชัดได้ว่าจะมีไข่ตกมาจริง ๆ หรือเปล่า ดังนั้น การป้องกันด้วยวิธีคุมกำเนิดมาตรฐาน และใช้ให้ถูกต้องและเหมาะสม จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันการตั้งครรภ์ค่ะ
ซึ่งการที่ผู้ถามใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีป้องกันสำรองเมื่อถุงยางฉีกขาด ถือเป็นการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมแล้วค่ะ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมาก ดังนั้น แม้จะใช้เร็วและครบขนาดก็ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ
หากรับความเสี่ยงนี้ไม่ได้ แนะนำให้ไปพบสูตินรีแพทย์เพื่อพิจารณาการใส่ห่วงอนามัยชนิดหุ้มทองแดงภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์นะคะ เนื่องจากจะมีประสิทธิภาพสูงกว่ามาก โดยผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 0.6 - 0.8% เท่านั้น และมีผลคุมกำเนิดต่อเนื่องได้นาน 3 - 10 ปี ขึ้นกับรุ่นของห่วงอนามัยที่ใช้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ขอสอบถามหน่อยค่ะ คือมีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 30 พ.ค. ตอนตี4 ใช้ถุงยางอนามัย แต่ดันฉีกขาด เมื่อเสร็จกิจแล้วจึงทราบ และออกไปหาซื้อยาคุมฉุกเฉินทันที ทานยาคุมฉุกเฉินแบบ 1 เม็ด ภายใน 1 ชม.หลังเสร็จกิจเลยค่ะ พอมาดูปฏิทิน ดันเป็นช่วงไข่ตกหรืออาจเป็นวันที่ไข่ตกพอดี อยากทราบว่า มีโอกาสตั้งครรภ์สูงมากมั้ยคะ แล้วถ้าไข่ตกไปแล้ว ยาคุมฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพน้อยลงหรือเปล่าคะ กังวลมากเลยค่ะ ขอบคุณคุณหมอด้วยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)