แน่นท้อง​ หายใจไม่สะดวก​ กินอิ่มแล้วรู้สึกอึดอัด​ จนต้องจกคออ้วก​ หรือกินน้ำอัดลมให้เรอ ตอนกลางคืน​ต้องนอนกดท้อง​ เเล้วหายใจทางปาก​ อาการเเบบนี้เสี่ยงเป็นโรคอะไรไหมค่ะ

สวัสดีครับ
อาการอึดอัดแน่นท้อง หายใจไม่สะดวกหลังรับประทานอาหารนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อยจากการรับประทานอาหารที่มากเกินไป โรคกระเพาะ โรคกรดไหลย้อน การมีเนื้องอกบางอย่างในทางเดินอาหาร

ในเบื้องต้นนั้นอาจลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมดังนี้ดูก่อนได้ครับ
- ให้พยายามรับประทานให้ตรงเวลาและไม่รับประทานอาหารจนอิ่มมากเกินไป
- หลีกเลี่ยงการรับประทานของมัน ของทอด อาหารที่มีรสเผ็ดจัดเปรี้ยวจัด
- หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มประเภทชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หลังรับประทานอาหาร 4 ชั่วโมงไม่ควรล้มตัวลงนอน

ถ้าหากได้ปฏิบัติตามนี้ 1-2 สัปดาห์แล้วอาการยังไม่ดีขึ้น หรือมีอาการกลืนติดกลืนลำบาก อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำหรือมีเลือดปน มีน้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ

อาการแน่นท้อง ส่วนใหญ่เป็นจากท้องอืดคือมีแก๊สในทางเดินอาหารมากกว่าปกติ สาเหตุเกิดจาก
รับประทานอาหาร แล้วไม่สามารถย่อยได้อย่างเหมาะสม เช่น รับประทานอาหารมื้อละมากๆ รับประทานเสร็จแล้วนอนเลย, รับประทานอาหาร/เครื่องดื่มที่มีแก๊สมาก เช่น แป้งและน้ำตาล(ยกเว้น แป้งจากข้าว) หรือไขมันซึ่งย่อยยาก, น้ำอัดลม เป็นตัน หรือกลืนอากาศ/แก๊สเข้าไปมากกว่าปกติ เช่น สูบบุหรี่ เคี้ยวหมากฝรั่ง

เบื้องต้นแนะนำ
ปรับพฤติกรรม
- ไม่รับประทานอาหารมื้อละมากๆ หลังรับประทานอาหารควรเดินย่อยสักพัก
- หลีกเลี่ยงอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาล และไขมัน
- ไม่รับประทานอาหารแล้วนอนทันที
- หลีกเลี่ยง สูบบุหรี่ เคี้ยวหมากฝรั่ง
- ไม่สวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป

หรือ อาจจะซื้อยาขับลมมารับประทานเพื่อบรรเทาอาการได้ครับ

ถ้าอาการไม่ดีขึ้น มีสัญญาณอันตรายของการปวดท้อง เช่น เบื่ออาหารน้ำหนักลด ถ่ายดำถ่ายเป็นเลือด อิ่มเร็วกว่าปกติชัดเจน อาเจียนตลอดเวลา มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งกระเพาะอาหาร หรือมีอาการอื่นๆ เช่น มีไข้ร่วมด้วย ปวดบริเวณด้านขวาบนขอบท้อง หรือ ปวดท้องรอบสะดือ ย้ายไปด้านขวาล่างของท้อง หรือมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง แนะนำให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อซักประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจเพิ่มเติมอย่างละเอียดครับ

ถ้าหากได้ปฏิบัติตามที่หมอแนะนำแล้วอาการยังไม่ดีขึ้นก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ