คือผมมีอะไรกับแฟนวัยที่ 28 ก.ย ใส่ถุงช่วงนั้นประจำเดือนใกล้หมดพอดีครับ ตอนมีอะไรกันเสร็จถุงมันเหมือจะหลุดแต่ผมจับไว้ทันครับแล้วมาเช็คว่าถุงขาดไหมแต่ถุงก็ไม่ขาดครับพอมีอะไรกันเสร็จแล้ว ประจำเดือนของนางก็หมดวันที่ 30 พอ ดีครับ หลังจากนั้นผ่านจะ 2 อาทิตย์ มีอาการ ตกขาวสีดำแต่ปนน้ำตาล แล้วมีอะไรกันอีกวันที่ 15 ต.ค ครับใส่ถุง เหมือเดิม แต่หลั่งนอกครับแล้ววันที่ 18 ต.ค แฟนผมมีอาการแสบช่องคลอดแบบแสบเฉยๆครับไม่คันไม่อะไรแล้ววันที่19-20 ต.ล แฟนผมมีอาการเลือดออกเป็นสีน้ำตลาดครับ ออกแบบไม่รู้สึกตัวครับออกมาพอเลอะกางเกงในแล้ววันต่อมาเหมือจะออกหรือไม่ออกนี้ละครับ พอแฟนผมจับบริเวณตรงนั้นตอนอาบน้ำมันก็มีแต่เหมือไม่มีอะครับแค่ติดนิ้วนิดหน่อยพอล้างออกก็ไม่มีเลยครับแล้วประจำเดือนแฟนผมก็มาไม่ค่อยปกติอยู่แล้วครับแล้วตอนนี้ล่าสุดมีอาการเลือดตกค้างครับ ผมอยากรู้ว่าอาการแบบนี้เป็นอะไรครับแล้วจะมีโอกาสท้องไหมครับ

สวัสดีครับ
ถ้าหากมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยโดยตลอด โอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ก็มีเพียง 2-15% เท่านั้นขึ้นอยู่กับความถูกต้องของการใช้งาน ซึ่งถือว่าค่อนข้างน้อยครับ

ส่วนอาการมีแสบช่องคลอดและมีเลือดออกผิดปกติสีน้ำตาบนั้นก็อาจเป็นอาการที่เกิดจากความผิดปกติบางอย่างได้ครับ เช่น
- การมีแผลในช่องคลอด
- การอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- การมีเนื้องอกหรือมะเร็งบางอย่าง

ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ

หากสวมถุงยางอนามัยถูกต้องแล้วนั้นไม่มีการหลุดของถุงยางอนามัยขณะสวมใส่หรือถุงยางอนามัยฉีกขาดแล้วโอกาสตั้งครรภ์มีได้น้อยครับ อาการแสบช่องคลอดนั้น เกิดได้จากการบาดเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ ทั้งการบาดเจ็บและแผลถลอกในช่องคลอดและมดลูก การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เป็นต้นครับหากยังมี อาการแสบช่องคลอดเกิน1อาทิตย์ หรือมีตกขาว/เลือดออกผิดปกติ ทางช่องคลอดแล้วควรไปพบสูตินารีแพทย์เพื่อตรวจหาการติดเชื้อและสาเหตุที่ทำให้มีอาการดังกล่าวครับ