คือกินยาคุมปกติยี่ห่อ belara (21 เม็ด) หลังมีเซกส์ (แบบป้องกันใส่ถุงยาง) แล้วหลังจากกินยาคุมเสร็จประมาณ 2 วันถัดมาก็มีประจำเดือนแต่ก่อนจะที่มันจะเป็นประจำเดือนมันมีเหมือนคราบสีน้ำตาลติดกางเกงใน แล้วก็เริ่มมีเหมือนเลือดสีน้ำตาลนิดๆหน่อยๆ พอหลังจากนั้นก็มีประจำเดือน แบบเลือดสีแดงออกมาเยอะมาก (วันแรก) ส่วนวันที่ 2 ประจำเดือนก็มี แต่เริ่มน้อยลง ไม่กระปริปรอยแต่น้อยอ่ะค่ะ น้อยเหมือนประจำเดือนใกล้หมดอะค่ะ แบบนี้จะท้องไหมคะ? คือกังวลมาก

1. ประจำเดือนครั้งก่อน มาวันที่เท่าไหร่ถึงเท่าไหร่คะ
2. เริ่มรับประทานบีลาร่าเม็ดแรกในวันที่เท่าไหร่คะ
3. เลือดที่ออกมา "เยอะมาก" ในช่วงที่เริ่มใช้ยาคุม หมายถึงมีเลือดออกจนชุ่มผ้าอนามัยกี่แผ่นใน 1 วันคะ และวันต่อมาที่มีเลือดออกน้อยลง เทียบเป็นการใช้ผ้าอนามัยกี่แผ่นคะ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ

ผู้ถามเริ่มใช้ยาคุมไม่ถูกต้องนะคะ กว่าจะมีผลคุมกำเนิดได้จึงต้องรอให้รับประทานบีลาร่าติดต่อกันจนครบ 7 วันก่อน อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนรับประทานยาและช่วงก่อนที่จะมีผลคุมกำเนิดจากยา หากมีการใช้ถุงยางอย่างถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ก็มีโอกาสตั้งครรภ์น้อยมากอยู่แล้วค่ะ

โดยปกติ เมื่อใช้ยาคุมแบบ 21 เม็ดหมดแผงแล้วจะต้องเว้นว่าง 7 วันก่อนต่อยาคุมแผงใหม่ ถ้าไม่มีการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็ควรจะมาในช่วงที่เว้นว่างดังกล่าว โดยมักจะมาหลังใช้ยาหมดไปแล้ว 2 - 3 วัน หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ซึ่งเลือดที่ออกมาในกรณีนี้ก็สอดคล้องกับระยะเวลาที่ควรจะมีประจำเดือนนั่นเอง

เมื่อมีประจำเดือนมาแล้ว ก็หมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำให้ตั้งครรภ์ค่ะ และหากผู้ถามต้องการคุมกำเนิดต่อเนื่อง ก็อย่าลืมต่อยาคุมแผงใหม่ตามกำหนดด้วยนะคะ