April 25, 2017 21:41
ตอบโดย
ศิรินทิพย์ ผอมน้อย (นักจิตวิทยาคลินิก)
สิวเกิดจากต่อมไขมันผลิตไขมันมาก และมีการอุดกลั้นทางเดินของไขมัน ทำให้สิวซึ่งอาจจะเป็นสิวหัวขาว หรือหัวดำก็ได้ หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียจะทำให้เกิดการอักเสบของสิว เช่นเป็นหนอง ส่วนใหญ่แล้วสิวจะขึ้นตามหน้า, หลัง หรือ หน้าอก
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิว ได้แก่
-ฮอร์โมน ร่างกายสร้างฮอร์โมน Androgen ทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่ม โดยมากฮอร์โมนจะเริ่มสร้างเมื่ออายุ 11-14 ปีดังนั้นจึงพบสิวมากในวัยนี้และอาจจะอยู่ได้นานหลายปี
-การผลิตไขมันมากขึ้นร่วมกับเซลล์ผิวหนัง และเชื้อแบคทีเรียทำให้เกิดการอุดตันจนเกิดสิว
-มีการเปลี่ยนแปลงของรากผม รากผมเจริญเร็วเซลล์มีการแบ่งตัวเร็ว และมีเซลล์ที่ตายมาก จึงเกิดการอุดตันของต่อมไขมัน
-แบคทีเรียโดยเฉพาะชื่อ Propionibacterium acne จะทำให้เกิดการอักเสบของสิว
-กรรมพันธ์
-การรักษาความสะอาด ไขมันที่สะสมบนใบหน้าทำให้สิ่งสกปรกเกาะติดง่าย จึงเกิดการอุดตัน
-อาหารโดยทั่วไปไม่มีผลต่อการเกิดสิว การรับประทานอาหารที่มัน หรือหวานจะเกิดสิวได้ง่าย
-อากาศ ขึ้นกับแต่ละคนบางคนเป็นมากในฤดูหนาว บางคนฤดูร้อน
-ความเครียด
-การใช้เครื่องสำอางค์ การทำความสะอาดผิวควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำความสะอาดได้หมดจด ไม่ทิ้งเครื่องสำอางตกค้าง
-ครีมบำรุงผิวก็ต้องเลือกให้ถูกกับผิวหน้า คนที่ผิวมันก็หลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มีไขมันสูง
-ระคายผิว เช่น การล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว
- ยาบางชนิดทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น เช่น ยาคุมกำเนิด
วิธีรักษาสิว
-ดูแลรักษาความสะอาดให้ถูกวิธี ควรทำความสะอาดผิวด้วยคลีนเซอร์อย่างอ่อน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือ ตอนเช้าและตอนเย็น หรือ ก่อนนอน,ล้างหน้าทุกครั้ง หลังทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมาก,งดใช้ผลิตภัณฑ์จำพวกขัด-ถู ทั้งหลาย รวมถึงสบู่ที่ค่อนข้างแรงเพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้สิวหาย ยังอาจทำให้ผิวหน้าเกิดการระคายเคือง หรือ ติดเชื้อ มากขึ้น , เมื่อใช้คลีนเซอร์ทำความสะอาดหน้าแล้ว ต้องล้างออกให้หมดจด อย่าให้มีคราบตกค้าง,การล้างหน้าต้องล้างให้ขึ้นไปถึงตีนผม เพื่อล้างน้ำมันและคราบสกปรกที่อาจจะเป็นตัวก่อสิวออกไปให้หมด สาหรับคนที่มีผมมัน ควรสระผมทุกวัน,หากแต่งหน้าหรือใช้ผลิตภัณฑ์กันแดด ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ใช้ทำความสะอาดเครื่องสำอางด้วย เพื่อให้ทำความสะอาดหมดจดมากขึ้น ,
-การพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่เครียด
-อาหารจำพวกผักสีเขียว ช่วยให้ร่างกายสามารถล้างสารพิษออกไปได้
-หลีกเลี่ยงการจับหัวสิว, บีบสิว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
หมดปัญหาเหงื่อออกมากที่มืออย่างถาวร รักษาแล้วมือแห้ง ชีวิตง่ายขึ้น!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / เบิกประกันได้ / ผ่อน 0% ได้ / ปรึกษาหมอก่อนผ่าตัดได้ไม่จำกัดครั้ง
ตอบโดย
ชยากร พงษ์พยัคเลิศ (นพ.)
การปฏิบัติตนในการรักษาสิว
การปฏิบัติตนในการรักษาสิว
รศ. นพ. ปารยะ อาศนะเสน
ภาควิชาโสต นาสิก ลาริงซ์วิทยา
Faculty of Medicine Siriraj Hospital
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
1. หลีกเลี่ยง การแคะ แกะ เกาสิว เนื่องจากถ้าสิวเกิดอักเสบจะทำให้เกิดรอยดำ หรือรอยแผลเป็น และอาจกระตุ้นทำให้สิวรอบข้างเพิ่มจำนวนขึ้นได้
2. ควรสังเกตและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นภายนอกที่อาจทำให้สิวขึ้นได้ เช่น เครียด นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ และการรับประทานอาหารบางชนิดเช่น ของทอด ของมัน ช็อกโกแลต น้ำอัดลม หรือสิ่งที่ทำให้เกิดการระคายเคืองของผิวหนัง เช่น ของฉุน ฝุ่น ควัน แดด เหงื่อ
3. สบู่ล้างหน้า ครีม หรือเครื่องสำอางใด ๆ ที่จะนำมาใช้บริเวณที่เป็นสิว ถ้ายังไม่เคยใช้มาก่อน ไม่ควรลองใช้ เพระอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ของผิวหนังบริเวณที่เป็นสิว ทำให้สิวมากขึ้นได้
4. ในระยะแรกของการรักษา สิ่งใดไม่จำเป็นที่ต้องใช้บนผิวหน้า ควรงดหรือหลีกเลี่ยงชั่วคราวเช่น สบู่ล้างหน้า หรือเจลล้างหน้าชนิดเดิมที่ใช้อยู่ (ถ้าแพทย์แนะนำไม่ให้ใช้) ครีมกันแดด ครีมบำรุงต่างๆซึ่งอาจมีสารเคมี หรือสิ่งระคายเคืองที่กระตุ้นทำให้สิวขึ้นได้
5. หลีกเลี่ยงการนวด ขัด หรือ อบบริเวณผิวหนังที่เป็นสิว เนื่องจากอาจกระตุ้นทำให้สิวมากขึ้นได้
6. ในรายที่มีสิวบริเวณคอ อกและหลัง มักเกิดจาก เหงื่อ หรือสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น ควัน สารเคมี ควรเลือกใช้สบู่อ่อน เช่นสบู่เด็ก ในการทำความสะอาดบริเวณดังกล่าว หลังเลิกงาน หรือเลิกกิจกรรมเช่นหลังเลิกเล่นกีฬา ถ้าไม่สะดวกในการฟอกล้าง อาจใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดบริเวณที่สัมผัสกับสิ่งระคายเคืองดังกล่าว หลังจากอาบน้ำ และฟอกด้วยสบู่อ่อนแล้วให้ใช้แชมพูกันสิวฟอกให้ทั่วบริเวณที่เป็นสิว แล้วทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าวันละครั้ง และอาจใช้แป้งน้ำที่แพทย์สั่งให้ทาบริเวณที่เป็นสิวร่วมด้วย วันละ 2 ครั้ง คือ เช้าและก่อนนอน
7. ยาที่ป้องกันไม่ให้สิวขึ้น มีทั้งยารับประทานและยาทา ยาทาที่ช่วยป้องกันไม่ให้สิวขึ้นบริเวณใบหน้า คือ ยาทาก่อนล้างหน้า และยาโลชั่นทาแก้สิวอักเสบ ก่อนทายาก่อนล้างหน้าให้ล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าก่อน แล้วทายาก่อนล้างหน้าให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ 5-15 นาทีแล้วล้างออกด้วยสบู่ หรือเจลล้างหน้า ถ้าผิวหนังที่ทา ไม่แห้ง ไม่แสบหรือลอก ควรทาทิ้งไว้นานขึ้น อาจทิ้งไว้ ½ -1 ชั่วโมงได้ หลังจากนั้น ให้ใช้ยาโลชั่นทาแก้สิวอักเสบทาทั่วหน้า หรือทามากหรือบ่อยขึ้นบริเวณที่มีสิว
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
วลีรักษ์ จันทร (พว.)
สามารถรักษาได้ด้วยตนเองโดยใช้ยาหรือครีมตามร้านขายยาที่มีใบรับรอง โดยให้เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญช่วยแนะนำได้ หากมีสิวขึ้นจำนวนมาก สิวสร้างความเจ็บปวด หรือรักษาด้วยตนเองแล้วการอักเสบของสิวยังไม่ทุเลาลง ควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการตรวจรักษาได้ โดยกระบวนการรักษาขึ้นอยู่กับประเภทของสิว อาการและระดับความรุนแรงของการอักเสบ ประกอบด้วยการรับประทานยา การทายา การฉีดยา และการบำบัดด้วยวิธีต่าง ๆค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เป็นสิวมา10กว่าปีไม่เคยหายทั้งไปหาหมอทั้งรักษาเอง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)