ในปัจจุบันคุณจะเห็นได้ว่ามีสกินแคร์หลายชนิดและหลายแบรนด์ให้ผู้บริโภคอย่างเราเลือกใช้นับไม่ถ้วน โดยเฉพาะบรรดาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ออกมายั่วเงินในกระเป๋าเป็นว่าเล่น ซึ่งปัญหาก็คือ ไม่ใช่ว่าผลิตภัณฑ์ทุกชิ้นจะเหมาะกับสภาพผิวของคุณค่ะ และคุณสามารถรู้ได้โดยสังเกตสัญญาณเตือนจากร่างกายดังนี้
1.มีผื่นขึ้น
มีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้เกิดผื่นตามผิวหนัง ซึ่งการแพ้เครื่องสำอางหรือสกินแคร์ก็คือหนึ่งในนั้นค่ะ เพราะมันอาจมีส่วนผสมที่ทำให้เกิดอาการแพ้ โดยนิยมใส่เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ในภาพรวมดูดีหรือมีกลิ่นหอม ซึ่งสารกันเสีย น้ำหอม หรือ อะคริเรต สามารถทำให้เป็นผื่นที่ผิวหนัง ทางที่ดีให้คุณทำ Patch testing ก่อนใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
2.เป็นลมพิษ
ลมพิษก็เหมือนกับผื่นตรงที่มันเป็นสัญญาณเตือนที่บอกว่าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะกับผิว แม้ว่าลมพิษมีแนวโน้มที่จะหายไปหลังผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง แต่มันอาจเป็นเรื่องที่น่ากังวลมากถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นใน 3-4 วัน ในกรณีนี้คุณควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ และรีบไปพบแพทย์ผิวหนัง
3.คันผิว
น้ำหอมถือเป็นหนึ่งในศัตรูตัวร้ายที่แอบแฝงอยู่ในผลิตภัณฑ์ความงามบางชนิด ซึ่งสามารถกระตุ้นให้คุณคันผิวและทำให้เกิดการระคายเคือง หากผิวของคุณแดงก่ำและรู้สึกคันอย่างรุนแรงหลังจากใช้ครีมหรือผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ให้คุณลองปรึกษาแพทย์ผิวหนัง เพราะบางทีคุณอาจแพ้ส่วนผสมบางชนิด นอกจากนี้ให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีน้ำหอม เพราะมันเป็นตัวการอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้
4.สิวบุก
การมีสิวสามารถเกิดจากการตอบสนองต่อการใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิว แต่ถ้าจะให้ฟันธงว่าสกินแคร์ที่คุณใช้คือต้นเหตุที่ทำให้เกิดสิวจริงหรือไม่ ให้คุณปล่อยผิวได้ปรับสภาพก่อนสัก 2-3 อาทิตย์ และสังเกตการเปลี่ยนแปลงของผิว เพราะสิวมักเกิดขึ้นเมื่อคุณใช้ผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างไรก็ตาม การหาสาเหตุของสิวอาจต้องใช้เวลา ดังนั้นคุณอาจต้องอดทนสักนิด
5.รู้สึกว่าผิวตึง
การที่ผิวของคุณตึงนั้นก็อาจเป็นตัวบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์ที่คุณกำลังใช้นั้นไม่เหมาะกับผิว โดยเฉพาะการใช้คลีนเซอร์ ซึ่งสามารถกำจัดน้ำมันตามธรรมชาติบนผิว ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ผิวระคายเคือง และผิวแห้ง อย่างไรก็ตาม คุณไม่ควรละเลยอาการผิวตึง เพราะมันสามารถทำให้สุขภาพผิวแย่ลง ทำให้น้ำมันผลิตออกมามากขึ้น ทำให้รูขุมขนใหญ่ขึ้น และทำให้เกิดริ้วรอย หากคุณรู้สึกตึงที่ผิวหลังล้างหน้า ให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีค่า pH ที่สมดุล มีสารลดแรงตึงผิวที่อ่อนโยน และมีส่วนผสมหลักจากธรรมชาติ
6.ผิวมัน
บางคนอาจมีผิวมันเป็นปกติอยู่แล้ว แต่หากคุณไม่ได้มีสภาพผิวเช่นนี้ ไม่แน่ว่ามันอาจเกิดจากผลิตภัณฑ์ที่คุณใช้ก็ได้ค่ะ ทั้งนี้ผิวของเรามีชั้นน้ำมันตามธรรมชาติที่ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันผิว ดังนั้นเมื่อคลีนเซอร์หรือครีมที่มีฤทธิ์รุนแรงกำจัดผิวชั้นนี้ออกไป ผิวก็จะเข้าสู่โหมดการซ่อมแซมตัวเองในทันที และผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพื่อชดเชยให้กับความเสียหายที่เกิดขึ้น คุณจึงมีใบหน้าที่มันเยิ้มนั่นเอง อย่างไรก็ตาม คุณสามารถแก้ปัญหาผิวมันโดยใช้มาสก์ชาร์โคลสัปดาห์ละครั้ง ซึ่งมันจะช่วยดูดซับความมันส่วนเกิน รวมถึงใช้เซรั่ม หรือมอยส์เจอไรเซอร์แบบเจลที่มีส่วนผสมของกรดไฮยาลูรอนิก ซึ่งช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวโดยไม่ทำให้ผิวมัน
7.ผิวไหม้หรือปวดแสบ
สารเคมีในผลิตภัณฑ์บางชนิดสามารถทำปฏิกิริยารุนแรงต่อผิวที่บอบบาง หรือผิวที่มีความไวต่อการกระตุ้น โดยทำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อนหลังใช้สกินแคร์บางชนิด อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คุณเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ คุณควรระวังให้มากเป็นพิเศษ เพราะผลิตภัณฑ์ที่ช่วยต้านริ้วรอยบางชิ้นอาจมีฤทธิ์ที่รุนแรงเกินไปสำหรับคนที่ผิวไวต่อสิ่งกระตุ้น เพราะเรตินอยด์มีส่วนผสมที่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกปวดแสบ หากคุณใช้เรตินอยด์แล้วรู้สึกเหมือนผิวไหม้ ให้คุณลองปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อเปลี่ยนไปใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของวิตามินซีหรือเรสเวอราทรอลแทน
8.ผิวแห้งและลอก
การมีผิวแห้งถือเป็นเรื่องที่ปกติ แต่หากคุณพบว่าผิวขรุขระและลอก มันก็ถึงเวลาที่คุณควรเปลี่ยนแปลงบางสิ่ง ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและผลิตภัณฑ์สำหรับล้างหน้ามักมีส่วนผสมของกรดที่รุนแรงที่สามารถทำร้ายผิว โดยทำให้ผิวลอกได้ คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟาไฮดรอกซี กรดซาลิซิลิก และเรตินอลพร้อมกัน การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเหล่านี้ชนิดใดชนิดหนึ่งก็นับว่าเพียงพอแล้ว
แม้ว่าการใช้สกินแคร์จะช่วยให้ผิวของเรามีสภาพดีขึ้น แต่ผลิตภัณฑ์บางชนิดหรือบางแบรนด์ก็อาจใช้ไม่ได้ผลสำหรับบางคน แถมยังทำให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ หรือมีอาการแพ้ หากคุณกำลังเผชิญสถานการณ์ที่เรากล่าวไป คุณก็ควรหยุดใช้ และไปพบแพทย์ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น