มาทำความรู้จักกับผิวผสมให้มากขึ้นกันเถอะ

เผยแพร่ครั้งแรก 27 มิ.ย. 2018 อัปเดตล่าสุด 17 พ.ย. 2020 เวลาอ่านประมาณ 2 นาที
มาทำความรู้จักกับผิวผสมให้มากขึ้นกันเถอะ

เห็นด้วยไหมคะว่า ลำพังแค่ปัญหาผิวแห้งหรือผิวมันก็ทำให้เรากลุ้มใจมากพอแล้ว แต่ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่มีผิวที่ทั้งมันและแห้ง หรือที่เรียกว่า “ผิวผสม” ทำให้คุณรับมือกับปัญหาได้ยากกว่าเดิมเล็กน้อย

ทำความเข้าใจเรื่องผิวผสม

คุณรู้ไหมว่า การที่ผิวของเรามันเยิ้มนั้นเป็นเพราะว่าผิวของเรามีน้ำมันส่วนเกินมากเกินไป ซึ่งผิวมันมักเกิดขึ้นในช่วงที่เราเข้าสู่วัยหนุ่มสาว และลดลงเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ แต่ก็อาจมีบางคนที่มีผิวมันโดยไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ อย่างไรก็ตาม บริเวณที่มีความมันมากเป็นพิเศษก็คือ T-Zone ซึ่งได้แก่บริเวณหน้าผาก จมูก และคาง ทำให้เรากำจัดสิวและแต่งหน้าได้ยากขึ้น ส่วนบริเวณที่ผิวแห้งก็มักพบได้บนแก้ม หากไม่ดูแลให้ดี ผิวที่แห้งและเซลล์ผิวที่ตายแล้วก็จะทำให้ผิวหน้าตกสะเก็ดและเริ่มลอก ซึ่งสภาพผิวดังกล่าวสามารถเกิดขึ้นเพราะผิวแห้ง หรือเพราะว่าคุณเป็นบางโรคอย่างโรคผื่นผิวหนังอักเสบ

แพ็กเกจที่คุณอาจสนใจ
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*

แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท

กำจัดน้ำมันที่ผิว

สำหรับสาวๆ คนไหนที่มีผิวผสม ให้คุณกำจัดน้ำมันที่ผิวโดยระวังไม่ให้ดึงความชุ่มชื้นออกมาด้วย คุณอาจล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยคลีนเซอร์สำหรับล้างหน้าที่เป็นสูตรอ่อนโยนต่อผิวที่เป็น Noncomedogenic ปลอดแอลกอฮอล์และน้ำหอม โดยให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีกรดซาลิซิลิก 2%  ซึ่งสามารถควบคุมน้ำมันในรูขุมขนโดยไม่ทำให้ผิวบริเวณที่ลอกมีสภาพที่แห้งเกินไป นอกจากนี้การใช้กระดาดซับมันก็ช่วยให้คุณไม่ต้องล้างหน้าหลายครั้งในระหว่างวัน ซึ่งสามารถทำให้ผิวที่ลอกแห้งไปกันใหญ่

หยุดปัญหาผิวลอกและผิวมัน

การใช้มอยส์เจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของ Dimenthicone จะทำให้ผิวชุ่มชื้นแต่ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตันหรือทำให้มีการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น หากมีสิวขึ้นตรงผิวส่วนที่มัน ให้คุณใช้ Benzoyl Peroxide ที่มีค่าต่ำสุดที่ 2.5% เพราะมันจะไม่ทำให้ผิวแห้งเกินไป  นอกจากนี้การขัดผิวอาทิตย์ละ 2 ครั้งก็เป็นไอเดียที่ดี โดยให้คุณเลือกใช้ครีมสครับที่มีฤทธิ์แรงพอที่จะลอกเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว แต่ก็ยังล็อคความชุ่มชื้นไว้ได้ สครับที่คุณเลือกใช้นั้นควรมีส่วนผสมที่ไม่มันอย่างกลีเซอรีนและกรดไฮยาลูโรนิก

นอกจากนี้คุณควรรู้ว่าอาหารชนิดใดที่ช่วยควบคุมความมันได้ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และอาหารที่มีรสเผ็ด ล้วนแต่ทำให้เส้นเลือดขยายตัว ส่งผลให้เหงื่อออก คุณจึงมีใบหน้าที่มันเยิ้มนั่นเอง อย่างไรก็ดี ให้คุณพยายามทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารแอนตี้ออกซิเด้นท์และวิตามินอย่างแครอท แคนตาลูป และผักโขม ซึ่งอาหารเหล่านี้ไม่เพียงแต่อัดแน่นไปด้วยวิตามินเอเท่านั้น แต่มันยังช่วยลดการผลิตน้ำมันที่ผิวอีกด้วย นอกจากนี้ให้คุณหลีกเลี่ยงการอยู่ท่ามกลางแสงแดด เพราะมันสามารถทำให้ผิวแห้ง ผิวไหม้ และทำให้ผิวลอกมากกว่าเดิม ทางที่ดีให้คุณสวมหมวกปีกกว้าง ทาครีมกันแเดดแบบ Broad-Spectrum สูตรปลอดน้ำมันที่มีค่า SPF 30 และอย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้ร่างกายโดยดื่มน้ำเปล่า ชา หรือน้ำผลไม้

ที่มา: https://www.livestrong.com/art...


6 แหล่งข้อมูล
กองบรรณาธิการ HD มุ่งมั่นตั้งใจให้ผู้อ่านได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง โดยทำงานร่วมกับแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ รวมถึงเลือกใช้ข้อมูลอ้างอิงที่น่าเชื่อถือจากสถาบันต่างๆ คุณสามารถอ่านหลักการทำงานของกองบรรณาธิการ HD ได้ที่นี่
Seborrheic dermatitis. MedlinePlus. (https://medlineplus.gov/ency/article/000963.htm)
Peeling skin on face: Causes and 11 remedies. Medical News Today. (https://www.medicalnewstoday.com/articles/326444)
Dry Oily Skin on Your Face: How to Fix Flakes and Grease. Healthline. (https://www.healthline.com/health/dry-oily-skin)

บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ความรู้แก่ผู้อ่าน และไม่สามารถแทนการแนะนำของแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาได้ ผู้อ่านควรพบแพทย์เพื่อให้แพทย์ตรวจที่สถานพยาบาลทุกครั้ง และไม่ควรตีความเองหรือวางแผนการรักษาด้วยตัวเองจากการอ่านบทความนี้ ทาง HD พยายามอัปเดตข้อมูลให้ครบถ้วนถูกต้องอยู่เสมอ คุณสามารถส่งคำแนะนำได้ที่ https://honestdocs.typeform.com/to/kkohc7

ผู้เขียนและผู้รีวิวบทความไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการที่นำเสนอแต่อย่างใด เว้นแต่จะระบุในเนื้อหา การแนะนำสินค้าและบริการแสดงขึ้นอัตโนมัติจากระบบของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน

ขอบคุณที่อ่านค่ะ คุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์มากแค่ไหนคะ
(1 ดาว - น้อย / 5 ดาว - มาก)

บทความต่อไป