July 16, 2018 11:09
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วง "หน้า 7 - หลัง 7" มีโอกาสผิดพลาดและตั้งครรภ์ได้ 24% ค่ะ
หากยังไม่พร้อมจะมีบุตร แนะนำให้รีบรับประทานยาคุมฉุกเฉินโดยเร็วนะคะ ยิ่งเร็วยิ่งดี อย่างช้าไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ (แต่ยิ่งใช้เร็ว จะยิ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า) อาจช่วยลดความเสี่ยงลงได้บ้าง โดยผู้ที่ใช้ยาคุมฉุกเฉิน มีโอกาสตั้งครรภ์ 15 - 25% ค่ะ
เมื่อใช้ยาคุมฉุกเฉินไปแล้ว ให้รอว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ หากไม่มี ควรตรวจการตั้งครรภ์นะคะ
ระหว่างที่รอให้ประจำเดือนมา หากจะมีเพศสัมพันธ์ซ้ำ ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ถ้าใช้ได้ถูกต้องและไม่มีปัญหารั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์เพียง 2% ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
การมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่หมดประจำเดือนใหม่ๆมีโอกาสทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ครับ โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นคนที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ เพราะจะไม่สามารถคาดเดาการตกไข่ที่แน่นอนได้
อย่างไรก็ตามถึงแม้จะเป็นคนที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอก็ถือว่ามีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ได้อยู่ครับ เนื่องจากในบางเดือนอาจมีการตกไข่ที่ไม่สม่ำเสมอจากปัจจัยบางอย่างได้ เช่น ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ต่ำกว่าปกติ น้ำหนักตัวที่มากขึ้น ความเครียด การออกกำลังกายอย่างหักโหม อีกทั้งเวลาที่มีเพศสัมพันธ์นั้นตัวอสุจิจะสามารถอยู่ในช่องคลอดต่อไปได้อีกประมาณ 2-3 วัน ทำให้มีโอกาสไปผสมกับไข่ที่ตกมาในอนาคตได้ครับ
ในกรณีที่ไม่ได้ป้องกันอะไรมาก่อนเลยหมอแนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินภายใน 72 ชั่วโมงครับ จะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75-85% แต่ถ้ารับประทานช้ากว่านั้นก็ยังอนุโลมให้รับประทานได้ไม่เกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอบโดย
พิมพกา ชวนะเวสน์ (สูตินรีแพทย์)
ประจำเดือนวันแรก วันที่ 9 วันที่ 15 ยังอยู่ในช่วงวันปลอดภัย ที่โอกาสตั้งครรภ์น้อยค่ะ
อย่างไรก็ตาม การนับวันปลอดภัย หน้า 7 หลัง 7 ไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพค่ะ ใช้ได้เฉพาะในคนที่ ประจำเดือนมาสม่ำเสมอ ทุก 28-30 วันค่ะ
อาจใช้ยาคุมฉุกเฉินร่วมด้วย เพื่อลดโอกาสในการตั้งครรภ์ค่ะ
ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ยิ่งกินเร็วเท่าไหร่ หลังมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งดีค่ะ โดยตามหลักการ ให้กินยาภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ ปัจจุบันยืดหยุ่นให้ถึง 100 ชั่วโมงแล้วค่ะ
อย่างไรก็ตาม ยาคุมฉุกเฉิน ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ดีไม่เท่า การคุมกำเนิดวิธีอื่นๆ เช่น การกินยาคุมปกติค่ะ (ยาคุมปกติ ถ้ากินถูกวิธี ประสิทธิภาพคุมกำเนิด มากกว่า 90 % แต่คุมฉุกเฉิน อาจจะแค่ประมาณ 80% - 85%
เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นไปได้ แนะนำใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นค่ะ ใช้ยาคุมฉุกเฉิน เมื่อจำเป็นเท่านั้น
ยาคุมฉุกเฉิน คือ ฮอร์โมนเพศหญิงขนาดสูงค่ะ สูงกว่าระดับธรรมชาติในร่างกาย หลังได้รับไปแล้วจะทำให้รอบเดือนแปรปรวนได้ค่ะ อาจจะบอกยากว่า เมนส์จะมาเมื่อไหร่
และด้วยความที่ฮอร์โมนสูง ก็ทำให้มีอาการข้างเคียงอื่นๆได้ เช่น คัดตึงเต้านม คลื่นไส้อาเจียน เวียนศีรษะ
ถ้าประจำเดือน เดือนถัดไปไม่มา ต้องซื้อที่ตรวจปัสสาวะตรวจการตั้งครรภ์ มาตรวจดูค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
เคยกินยาคุมฉุกเฉินมาแล้ว 2 ครั้ง แต่กินครั้งล่าสุดเดือนพฤษภาคม ถ้ากินอีกก็ไม่มีผลเสี่ยงใช่มั้ยคะ เพราะอ่านดูในเน็ตไม่ควรก่อนบ่อย
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
คำแนะนำสำหรับการรับประทานยาคุมฉุกเฉินคือไม่ควรรับประทานเกิน 2 ครั้งต่อเดือน
ดังนั้นถ้าครั้งสุดท้ายที่รับประทานยาคุมฉุกเฉินคือเดือน พ.ค. ก็สามารถรับประทานยาตอนนี้ได้ครับ
ทั้งนี้ในอนาคตควรมีการเลือกใช้การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ เช่น ถุงยางอนามัย ยาคุมแบบรายเดือน เพื่อป้องกันการตั้งครรภ์ให้มีประสิทธิภาพครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
หลังจากที่กินยาคุมฉุกเฉินไปวันที่ 17 ประจำเดือนมาอีกวันที่ 22 เป็นเพราะกินยาไปรึป่าวค่ะ ที่ทำให้ประจำเดือนมาอีกรอบ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. ในอดีต เหตุผลที่ไม่แนะนำให้รับประทานยาคุมฉุกเฉินเกินเดือนละ 2 ครั้งก็เพราะกังวลว่าอาจเพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูกค่ะ แต่การศึกษาต่อ ๆ มาพบว่าการใช้ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้เพิ่มความเสี่ยงของการตั้งครรภ์นอกมดลูกแล้ว
แต่ที่ยังแนะนำไม่ให้ใช้บ่อย ๆ หรือใช้แทนวิธีคุมกำเนิดปกติก็เพราะประสิทธิภาพของยาคุมฉุกเฉินไม่ได้สูงมากเหมือนวิธีคุมกำเนิดปกติ การใช้บ่อย ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะคุมกำเนิดล้มเหลวและเกิดการตั้งครรภ์นั่นเองค่ะ จึงควรใช้เฉพาะกรณีที่จำเป็น
เช่น ใช้ยาคุมรายเดือนอยู่แต่ลืมรับประทานหลายวัน หรือใช้ถุงยางแล้วถุงยางฉีกขาด ไม่ใช่ใช้ยาคุมฉุกเฉินเพราะไม่อยากใช้ยาคุมรายเดือนและไม่อยากใช้ถุงยางอนามัยนะคะ
ดังนั้น หากผู้ถามสงสัยว่าถ้าใช้ยาคุมฉุกเฉินอีกรอบแล้วจะมี "ผลเสี่ยง" อะไรหรือไม่ หากความเสี่ยงนั้นหมายถึงการตั้งครรภ์ ก็ยังมีอยู่ค่ะ เพราะมีโอกาส 15 - 25% ที่ผู้ใช้ยาคุมฉุกเฉินจะคุมกำเนิดล้มเหลวและเกิดการตั้งครรภ์ได้
แต่ถ้าความเสี่ยงนั้นหมายถึงผลกระทบระยะยาวต่อสุขภาพ องค์การอนามัยโลกได้ชี้แจงเมื่อ ค.ศ.2010 แล้วว่ายาคุมฉุกเฉินชนิดตัวยาลีโวนอร์เจสเทรล (เป็นยาคุมฉุกเฉินชนิดที่ใช้ในบ้านเราค่ะ) ไม่ได้ทำให้เกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูก รวมถึงไม่ได้ทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงหรือถาวรอื่น ๆ ค่ะ
2. ต้องดูว่าเลือดที่ออกมานั้นน่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยาหรือประจำเดือนค่ะ
สำหรับผลข้างเคียงจากยา อาจมีเลือดกะปริบกะปรอยหรือหยดเลือดซึมออกมาภายใน 7 วันหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน แต่ก็อาจไม่มีก็ได้ค่ะ ผลข้างเคียงนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าจะมีการตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์นะคะ จะมีหรือไม่มีก็ไม่ต้องกังวลค่ะ
สำหรับประจำเดือน ผู้ใช้มากกว่า 90% มักจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติค่ะ หรือคลาดเคลื่อนเล็กน้อยไม่กี่วัน
ดังนั้น ถ้าเลือดที่ออกมามีปริมาณมากและมาต่อเนื่องกันเหมือนประจำเดือนปกติ ไม่ใช่แค่หยดเลือดกะปริบกะปรอย และมาตรงตามรอบที่คาดว่าจะมีประจำเดือนมา ก็น่าจะเป็นประจำเดือนนะคะ
แต่ถ้าเป็นแค่เลือดออกเล็กน้อย ไม่ตรงรอบประจำเดือน ก็น่าจะเป็นผลข้างเคียงจากยา และผลข้างเคียงจากยาก็ไม่ใช่ประจำเดือนนะคะ จึงไม่ใช่ว่ายาคุมฉุกเฉินทำให้มีประจำเดือนมาอีกรอบค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
สวัสดีค่ะ เริ่มเป็นประจำเดือนวันที่ 9 และประจำเดือนหมดวันที่ 14 พอดีมีเพศสัมพันธ์กับแฟนวันที่ 15 มีโอกาสท้องมั้ยคะ พอดีไม่ได้ป้องกันเลยค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)