April 14, 2017 17:39
ตอบโดย
ชยากร พงษ์พยัคเลิศ (นพ.)
รังสี UVA เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นยาว พลังงานต่ำ ทำให้ผิวหนังมีสีคล้ำ แดง เป็นรังสียูวีที่พบในชีวิตประจำวัน เข้าถึงภายในชั้นผิว เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดผลต่อผิวหนังเช่น รอยเหี่ยวย่น ผิวหย่อนยาน
รังสี UVB เป็นรังสีที่มีช่วงคลื่นสั้น พลังงานสูง สามารถทำให้เกิดผิวไหม้ บวมแดง และหากได้รับรังสีเป็นระยะเวลายาวนาน อาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ เป็นรังสียูวีในสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติ เป็นสาเหตุของการคล้ำแดดกลางแจ้งส่งผลอย่างรุนแรงกับผิว ถ้าได้รับมากจะทำให้ผิวแสบแดงอักเสบและเป็นสาเหตุของฝ้ากระและความแห้งกร้าน
ค่า SPF ใช้ป้องกันรังสี UVB ส่วนค่า PA ใช้ป้องกันรังสี UVA PA+ จะมีค่า PPD อยู่ที่ 2-4, PA++ จะมีค่า PPD อยู่ที่ 4-8 และ PA+++ จะมีค่า PPD อยู่ที่ 8-16 แต่ค่า PA++++ ที่เพิ่มขึ้นมา จะให้ค่า PPD มากกว่า16 เท่ากับว่าสามารถป้องกันรังสี Long-UVA ได้ (ค่า PPD หรือ Persirtent Pigment Darkening คือ ค่าความสามารถในการป้องกันรังสี UVA)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ครีมกันแดดที่มีค่าPA++ เครื่องหมายบวกคืออะไรทำไมแต่ละอันมี+ไม่เท่ากัน แล้วUVA UVb ต่างกันอย่างไร
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)