อย่างที่เราทราบกันดีว่า การทาครีมกันแดดเป็นวิธีที่ช่วยปกป้องผิวของเราจากแสงแดด ทำให้หลายคนพกครีมกันแดดทุกครั้งเมื่อไปเที่ยวทะเล หรือทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน อย่างไรก็ตาม บางคนอาจพบว่าตัวเองยังคงประสบปัญหาผิวไหม้ หรือปัญหาผิวอื่นๆ ที่เกิดจากแสงแดด ซึ่งบางทีอาจเป็นเพราะว่าคนเหล่านี้ใช้ครีมกันแดดไม่ถูกวิธี สำหรับข้อผิดพลาดที่เราอาจเผลอทำตอนใช้ครีมกันแดดมีดังนี้
1. ทาครีมกันแดดไม่เพียงพอ
การทาครีมกันแดดให้ได้ 2 มิลลิกรัมต่อผิว 1 ตร.ซม. หรือ 1 แก้วช็อต ถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งค่า SPF หรือมีชื่อเต็มว่า Sun Protection Factor คือตัวเลขที่บอกว่าครีมกันแดดสามารถป้องกันไม่ให้ผิวไหม้จากรังสียูวีบีได้ดีเท่าไร หากคุณทาครีมกันแดด 2 มิลลิกรัมต่อผิว 1 ตร.ซม. ถ้าครีมกันแดดมีค่า SPF 30 มันก็จะป้องกันรังสียูวีบีได้ 96.7% แต่ถ้าคุณทาครีมกันแดดเพียงแค่ครึ่งเดียวของจำนวนดังกล่าว ครีมกันแดดก็จะป้องกันรังสียูวีบีได้ประมาณครึ่งเดียวเช่นกัน
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
2. ทาครีมกันแดดแค่เวลาออกนอกบ้าน
รังสียูวีเอสามารถส่องทะลุผ่านทางกระจก อย่างไรก็ดี รังสียูวีเอเป็นตัวการที่ทำให้เกิดริ้วรอย ในขณะที่รังสียูวีบีทำให้ผิวไหม้ ซึ่งการใส่แว่นตากันแดดสามารถป้องกันรังสียูวีบีได้เกือบทั้งหมด ในขณะที่รังสียูวีเอสามารถทะลุผ่านเข้ามาในดวงตาได้ ดังนั้นให้คุณทาครีมกันแดด หรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่สามารถป้องกันได้ทั้งรังสียูวีเอและรังสียูวีบีก่อนที่จะขึ้นรถหรืออยู่ในห้องที่มีแสงอาทิตย์สาดส่องเข้ามา
3. สันนิษฐานว่าครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงจะติดทนที่ผิวนานกว่า
แม้ว่าคุณจะใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 100 ขึ้นไป แต่การทาครีมกันแดดซ้ำอย่างสม่ำเสมอก็ยังเป็นเรื่องสำคัญ ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ไม่ได้ทำให้ครีมกันแดดติดทนนานขึ้น ซึ่งค่า SPF ใช้บอกได้แค่ว่าครีมกันแดดสามารถป้องกันรังสียูวีบีได้เท่าไร แต่ไม่ได้บอกระยะเวลาที่ปกป้อง ดังนั้นไม่ว่าครีมกันแดดจะมีค่า SPF เท่าไร คุณก็ยังต้องทาครีมกันแดดซ้ำบ่อยๆ
4. ใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุ
เราไม่ควรใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุแล้ว หากครีมกันแดดของคุณไม่ได้ระบุวันหมดอายุ คุณควรโยนมันทิ้งลงถังขยะหลังครบ 3 ปี ในขณะที่ครีมกันแดดบางยี่ห้อก็มีการระบุวันหมดอายุไว้ชัดเจน หากคุณใช้ครีมกันแดดที่หมดอายุแล้ว คุณก็จะไม่ได้รับการปกป้องดีเท่าที่คาดหวังไว้ หรือมันอาจทำให้ผิวระคายเคือง
5. ทาครีมกันแดดเมื่อออกไปนอกบ้าน
ครีมกันแดดใช้เวลาประมาณ 15 นาที ในการซึมเข้าผิว ดังนั้นการทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งเราควรทาครีมกันแดดประมาณ 15 นาที ก่อนสัมผัสกับแสงแดด เพราะอย่างที่เราบอกไปว่าการที่ครีมกันแดดจะทำงานได้เต็มที่นั้น มันต้องใช้เวลา 15 นาที ในการซึมเข้าผิว แต่หากคุณทาครีมกันแดดในขณะที่ออกไปนอกบ้าน ในระยะเวลา 15 นาที ที่ครีมกันแดดยังไม่ซึมเข้าผิว ถ้าคุณมีผิวที่มีความไวต่อสิ่งกระตุ้น หรือดัชนีรังสียูวีมีค่าสูง มันก็จะทำให้ผิวไหม้ได้
6. ใช้ครีมกันแดดเมื่อดัชนียูวีมีค่าสูงเท่านั้น
โรคมะเร็งผิวหนัง หรือปัญหาผิวอื่นๆ ที่เกิดจากแสงแดดนั้นสามารถเป็นผลจากการสัมผัสกับแสงแดดโดยไม่ได้ตั้งใจในช่วงเวลาสั้นๆ แม้ว่าค่าดัชนียูวีจะมีค่าต่ำก็ตาม ทั้งนี้แม้ว่ารังสียูวีเอจะมีค่าเพียงเล็กน้อย แต่หากสะสมเป็นเวลานาน มันก็สามารถทำให้ DNA เสียหาย และหากไม่ได้รับการฟื้นฟู มันก็จะทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ในที่สุด
7. ทาครีมกันแดดไม่ทั่วบริเวณ
มีหลายคนที่ลืมทาครีมกันแดดที่หลังหัวเข่า หู ใกล้ดวงตา คอ และหนังศีรษะ ซึ่งล้วนแต่เป็นบริเวณที่ไม่สามารถต้านทานแสงแดด อย่างไรก็ดี เมื่อทาครีมกันแดด คุณควรมั่นใจว่าได้ทาทุกส่วนที่จะได้สัมผัสกับแสงแดด นอกจากบริเวณที่เรากล่าวไปแล้ว คุณก็อย่าลืมทาครีมกันแดดที่ริมฝีปาก มือ และฝ่าเท้าด้วยค่ะ
8. ลืมทาครีมกันแดดซ้ำ
ไม่ว่าคุณจะใช้ครีมกันแดดแบบโลชั่น สเปรย์ หรือแท่ง และไม่ว่าคุณจะใช้ชนิดที่กันน้ำได้หรือเป็นครีมกันแดดปกติ คุณจำเป็นต้องทาครีมกันแดดซ้ำ ทั้งนี้การทาครีมกันแดดครั้งเดียวจะช่วยปกป้องผิวของคุณได้เพียงแค่ประมาณ 2 ชั่วโมงเท่านั้น และมันอาจน้อยลงถ้าคุณใช้เวลาอยู่ในน้ำ
แม้ว่าครีมกันแดดจะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ป้องกันไม่ให้แสงแดดทำร้ายผิว แต่หากคุณรู้ตัวว่ากำลังทำสิ่งที่เรากล่าวไปเป็นประจำ คุณก็ควรหลีกเลี่ยง เพื่อที่จะได้รับประโยชน์จากครีมกันแดดได้อย่างเต็มที่