June 06, 2019 04:59
ตอบโดย
นิชดา พงษ์ธัญญกรณ์ (แพทย์ทั่วไป) (พญ.)
สวัสดีค่ะ อาการปวดอัณฑะเกิดได้จากหลายสาเหตุค่ะ เช่น
-บาดเจ็บจากการช่วยตัวเอง โดยอาจกระแทกบริเวณอัณฑะ
-อัณฑะอักเสบ(Epididymitis) จะมีไข้ มีอาการบวมแดง เจ็บเวลาจับมาก
-อัณฑะบิดขั้ว(Testicular torsion) เป็นภาวะฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาด่วน เนื่องจากลูกอัณฑะขาดเลือดไปเลี้ยงหลอดเลือดอาจทำให้เซลล์ตายได้ มีอาการปวดรุนแรง อัณฑะข้างหนึ่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าอีกข้าง คลื่นไส้อาเจียน
-อัณฑะขอด(Varicocele) มักเห็นหลอดเลือดบริเวณอัณฑะได้ชัดเจนโดยเฉพาะเวลาเบ่ง
-ถุงน้ำอัณฑะ (hydrocele) อัณฑะโต อาจมีปวดหน่วงๆหรือเจ็บได้
-ไส้เลื่อน(Hernia) จะเป็นก้อนตุงชัดเจนที่อัณฑะหรือบริเวณขาหนีบ
ยังไงควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเพื่อทำการวินิจฉัยและรักษาค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
โรคมะเร็งนั้นเป็นโรคที่มีการดำเนินโรคที่ช้ามักต้องใช้เวลาเป็นเดือนก่อนที่จะเกิดอาการบางอย่าง ถ้าหากาอาการปวดที่เกิดขึ้นเกิดขึ้นอย่างฉับพลันตามหลังการช่วยตัวเองในทันทีนั้นก็มีโอกาสที่จะเกิดจากโรคมะเร็งได้น้อยครับ ในกรณีนี้มักมีสาเหตุมาจากสาเหตุอื่นๆมากกว่า เช่น
- มีการอักเสบของอัณฑะ มักทำให้มีอาการปวด บวม แดง ร้อนที่อัณฑะ อาจมีอาการปัสสาวะแสบขัด มีเลือดปนออกมาในอสุจิได้ด้วย
- อัณฑะบิดขั้ว อาการปวดมักเกิดขึ้นมาอย่างรุนแรงและฉับพลันในทันที อาการปวดจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ผิวด้านนอกของอัณฑะอาจม่วงคล้ำจากการขาดเลือด
- ไส้เลื่อน มักมีการคลำพบก้อนที่เลื่อนเข้าออกจากถุงอัณฑะได้มาก่อน แต่เมื่อห้อนมีการติดค้างก็จะทำให้มีอาการปวดตามมาได้
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการเพิ่มเติมให้ทราบสาเหตุที่แน่ชัดก่อนเพื่อที่จะได้ให้การรักษาได้อย่างเหมาะสมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ไปหาหมอมาแล้วครับรอบนึง หมอให้ยาฆ่าเชื้อมา ตรวจฉี่อะไรแล้วก็ไม่พบอะไร พอมาช่วยตัวเองหลังจากทานยาหมดแล้วก็เกิดอาการปวดอีกครับ
ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคอะไรบ้างครับ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหมอให้ยาฆ่าเชื้อมารับประทานหมอก็คาดว่าแพทย์วินิจฉัยว่ามีอาการปวดอัณฑะจากอัณฑะอักเสบนะครับ
ถ้าหากหลังรับประทานยาฆ่าเชื้อหมดแล้วยังมีอาการปวดอัณฑะอยู่ก็มีความเป็นไปได้ว่าเชื้อที่ทำให้เกิดอาการอัณฑะอักเสบจะมีการดื้อยา มีการติดเชื้อมาซ้ำ หรืออาการปวดอัณฑะนั้นเกิดจากสาเหตุอื่น ซึ่งในกรณีนี้หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจประเมินอาการซ้ำอีกครั้งครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปวดอัณฑะข้างขวาหลังจากช่วยตัวเองเสร็จครับมีโอกาสเป็นมะเร็งไหมครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)