January 24, 2017 06:55
ตอบโดย
วิภา สุวรรณชีวะศิริ (พญ.)
โรคเบาหวาน เกิดจากความผิดปกติของร่างกายที่มีการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ ส่งผลทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูงเกิน โรคเบาหวานจะมีอาการเกิดขึ้นเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถใช้น้ำตาลได้อย่างเหมาะสม ซึ่งโดยปกติน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อใช้เป็นพลังงานภายใต้การควบคุมของฮอร์โมนอินซูลิน ซึ่งผู้ที่เป็นโรคเบาหวานร่างกายจะไม่สามารถนำน้ำตาลไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นค่ะ
ส่วนปัจจัยเสี่ยงการเกิดโรค มีดังนี้
-อ้วน
-ญาติสายตรงเป็นโรคเบาหวานความดันโลหิตสูง
-ไขมันในเลือดสูงง
-เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์
-ไม่ออกกำลังกาย
การรับประทานขนมหวานบ่อย ๆ ก็นำไปสู่ภาวะอ้วนได้ค่ะ ดังนั้นหากไม่อยากเป็นเบาหวาน ก็ต้องควบคุมปัจจัยเสี่ยงทั้งหลาย ก็จะช่วยลดโรคเรื้อรัง เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดผิดปกติ ได้ค่ะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
วลีรักษ์ จันทร (พว.)
วิธีป้องกันเบาหวานที่สำคัญได้แก่
(1). ออกแรง-ออกกำลังเป็นประจำ
การออกแรง-ออกกำลังจะทำให้ระดับแป้งและน้ำตาลในกล้ามเนื้อลดลง กล้ามเนื้อจะย่อยสลายแป้งที่สะสมไว้ และดึงน้ำตาลจากเลือดเป็นแหล่งพลังงาน ป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูง การออกกำลังแบบต้านแรง เช่น ยกน้ำหนัก ดึงสปริง ดึงยางยืด พิลาทิส กายบริหารบางท่า เดินขึ้นลงบันไดตามโอกาส ฯลฯ มีส่วนช่วยเพิ่มมวลกล้ามเนื้อ ซึ่งช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูงได้ดีขึ้น
(2). ระวังอย่าให้น้ำหนักเกิน
มวลไขมันที่มากเกินจะปล่อยฮอร์โมนกระตุ้นการอักเสบเข้าสู่กระแสเลือด และทำให้ตัวรับอินซูลิน (insuline receptors) ที่ผนังเซลล์ต่างๆ ดื้อต่ออินซูลิน (อินซูลินเป็นฮอร์โมนที่ช่วยนำน้ำตาลเข้าเซลล์ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลง) ถ้าอ้วนไปแล้ว... ควรเริ่มเปลี่ยนตัวเองจากอ้วนไม่ฟิตเป็นอ้วนฟิต ระวังอย่าให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นไปอีก และพิจารณาลดน้ำหนัก (ถ้าทำได้)
(3). ระวังอย่าให้อ้วนลงพุง
วัดเส้นรอบเอว... ผู้ชายไม่ควรเกิน 90 เซนติเมตร ผู้หญิงไม่ควรเกิน 80 เซนติเมตร และให้คีบหนังหน้าท้องดูว่า หนาเกิน 1 นิ้วหรือไม่ (ไม่ควรเกิน) การลดอ้วนลงพุงจำเป็นต้องใช้วิธีออกกำลัง (ดีที่สุดคือ คาร์ดิโอหรือแอโรบิค เช่น เดินเร็ว เดินขึ้นลงบันไดตามโอกาส จักรยาน ฯลฯ สลับกับการออกกำลังต้านแรง เช่น ยกน้ำหนัก ฯลฯ)
(5). รับแสงแดดอ่อน
รับแสงแดดอ่อนตอนเช้า (ก่อน 8.30-9.00 นาฬิกา) หรือตอนเย็น (หลัง 16.00-16.30 นาฬิกา) วันละ 10-15 นาที และพิจารณากินนมไขมันต่ำเสริมวิตามิน D หรือวิตามินรวมที่มีวิตามิน D เพื่อป้องกันภาวะวิตามิน D ต่ำ ภาวะวิตามิน D ต่ำทำให้ระดับแคลเซียมชนิดแตกตัวเป็นประจุ (ionized calcium) ในเลือดลดลง ซึ่งอาจกระตุ้นให้ต่อมพาราธัยรอยด์สร้างฮอร์โมนมากขึ้น (พบว่า ฮอร์โมนนี้ในระดับสูงเพิ่มเสี่ยงภาวะดื้อต่ออินซูลิน) ทางที่ดีมากๆ คือ อย่ารับแดดอ่อนเฉยๆ ให้ออกแรง-ออกกำลังไปด้วย
(6). ลดข้าวขาว+แป้งขัดสี
วันไหนที่ไม่ได้ออกแรง-ออกกำลังมาก ให้ลดแป้งขัดสี เช่น ข้าวขาว อาหารทำจากแป้ง ฯลฯ และน้ำตาลลง และลดน้ำตาลในรูปเครื่องดื่มรวมทั้งน้ำผลไม้กรองกาก วิธีที่ดีคือ เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง และเปลี่ยนขนมปังขาวเป็นขนมปังโฮลวีท (เติมรำ) อย่างน้อยครึ่งหนึ่ง, ลดปริมาณข้าว-อาหารทำจากแป้งลง 1/4 ตั้งแต่อายุ 20 ปี, เพิ่มผัก-ถั่วเข้าไปแทน
(7). ไม่ดื่มหนัก
การดื่มแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงโรคตับอ่อนอักเสบ (เป็นอวัยวะที่สร้างอินซูลิน) ทำให้กินมาก และอ้วนลงพุงง่าย
(8). ไม่สูบบุหรี่
(9). กินอาหารให้ครบทุกหมู่
ควรกินอาหารสุขภาพ หนักไปทางผัก ถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ฯลฯ เมล็ดพืช นัท (ถั่วเปลือกแข็ง เช่น อัลมอนด์ ฯลฯ อาหารที่มีคุณสมบัติคล้ายนัท คือ ถั่วลิสงต้ม) ปลาที่ไม่ผ่านการทอดอย่างน้อย 80% ของอาหารทั้งหมด อาหารที่คนไทยส่วนใหญ่กินขาดอาหารกลุ่มถั่ว ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่รุนแรงมาก เนื่องจากถั่วมีโปรตีนสูง มีไขมันชนิดดี มีสารพฤกษเคมี-สารต้านอนุมูลอิสระสูง และที่สำคัญมากๆ คือ มีเส้นใยหรือไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำสูง
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
จะมีวิธีหลีกเลี่ยงจากโรคเบาหวานอย่างไร ถ้าชอบทานขนมหวาน
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)