April 21, 2019 09:43
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ยาคุมฉุกเฉินก็มีประสิทธิภาพไม่สูงนัก การที่ผู้ถามรับประทานเร็วและครบขนาด ยังมีโอกาสตั้งครรภ์ได้อย่างน้อย 15% นะคะ จึงต้องรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาหรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ตั้งครรภ์ ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะมีประจำเดือนมาตรงตามรอบปกติ หรือคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อยค่ะ (ส่วนเลือดกะปริบกะปรอยที่อาจพบภายใน 7 วันหลังรับประทาน เป็นเพียงผลข้างเคียงจากยา อาจพบหรือไม่พบก็ได้ ไม่ได้สำคัญอะไร)
ถ้าไม่มีประจำเดือนมา ก็ควรตรวจการตั้งครรภ์ค่ะ
ส่วนยาคุมรายเดือนไม่มีผลคุมกำเนิดฉุกเฉิน การใช้ในกรณีนี้จึงไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์ให้น้อยลง แต่กลับยิ่งทำให้ประจำเดือนในรอนบนี้เลื่อนช้าออกไปมากขึ้นหากไม่ตั้งครรภ์นะคะ อีกทั้งยังไม่มีผลคุมกำเนิดได้จนกว่าจะรับประทานยาคุมชนิดฮอร์โมนรวมติตด่อกันให้ครบ 7 วันก่อน หากจะมีเพศสัมพันธ์ ก็ต้องใช้ถุงยางอนามัยป้องกันอยู่ดีค่ะ
ดังนั้น หากรับประทานยาคุมรายเดือนไปเพียงไม่กี่เม็ด แนะนำให้หยุดใช้และรอดูว่าจะมีประจำเดือนมาตามรอบปกติหรือไม่ ถ้าไม่มี หรือกังวลว่าจะตั้งครรภ์ ก็สามารถใช้ชุดทดสอบการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะตรวจในตอนเช้าหลังตื่นนอน ห่างจากวันที่มีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดอย่างน้อย 14 วันนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
สวัสดีครับ
การรับประทานยาคุมกำเนิดนั้นจะมีผลป้องกันการตั้งครรภ์ได้ต่อเมื่อเริ่มรับประทานยาก่อนการมีเพศสัมพันธ์ครับ แต่ถ้าหากจะเริ่มรับประทานยาคุมหลังมีเพศสัมพันธ์ไปแล้วก็ควรมั่นใจก่อนว่าไม่มีการตั้งครรภ์ก่อนที่จะรับประทานยาคุม ซึ่งการรับประทานยาคุมฉุกเฉินก็จะลดโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 75-85% เท่านั้นในกรณีนี้จึงยังไม่สามารถมั่นใจได้ว่าจะไม่มีการตั้งครรภ์ครับ
ในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรหยุดรับประทานยาคุมแบบรายเดือนไปก่อนเนื่องจากยาคุมรายเดือนจะยังไม่มีผลป้องกันการตั้งครรภ์ในขณะนี้ครับ และถ้าหากจะต้องมีเพศสัมพันธ์อีกก็ให้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกันการตั้งครรภ์ไปก่อน
จากนั้นก็ให้รอจนกระทั่งประจำเดือนมาเพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์และก็ให้เริ่มรับประทานยาคุมรายเดือนภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน ซึ่งก็จะมีผลให้ยาคุมออกฤทธิ์ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ทันทีตั้งแต่วันแรกที่รับประทานยาครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ตอนนี้ทานยาคุมรายเดือนได้ 10 วัน แล้วค่ะ ควรทานต่อ หรือจะให้หยุดแล้วรอประจำเดือนมาในนี้ก่อน จะดีไหมคะ
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ตอบโดย
กันตณัฏฐ์
อยู่ตรีรักษ์ (แพทย์ทั่วไป)
(นพ.)
General physician
ถ้าหากรับประทานยาคุมมา 10 วันแล้วหมอก็แนะนำให้รับประทานยาคุมต่อไปก่อนครับ เนื่องจากในกรณีนี้การหยุดรับประทานยาคุมอย่างกระทันหันจะส่งผลให้ระดับฮอร์โมนในเลือดมีความแปรปรวนและจะยิ่งทำให้คาดการณ์ได้ยากว่าประจำเดือนควรจะมาในวันใดครับ
และหลังจากนี้ก็ให้รอสังเกตดูว่าประจำเดือนจะมาในช่วงเวลาที่ควรจะเป็นหรือไม่ คือ
- ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 21 เม็ด ประจำเดือนก็ควรจะมาในช่วงที่เว้น 7 วันก่อนเริ่มรับประทานยาแผงใหม่
- ถ้าหากรับประทานยาคุมชนิด 28 เม็ด ประจำเดือนก็ควรจะมาในช่วงที่รับประทานยาเม็ดแป้ง 4-7 เม็ดสุดท้ายของแผงขึ้นอยู่กับยี่ห้อของยาคุม
ถ้าหากประจำเดือนไม่มาในช่วงเวลาตามนี้ก็ควรลองตรวจการตั้งครรภ์ดูในตอนเช้าของวันที่จะเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ครับ ถ้าหากตรวจแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ก็สามารถรับประทานยาแผงใหม่ต่อได้ครับ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ขอบคุณมากค่ะคุณหมอ^^
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เมื่อเราหลั่งใน ไปแล้ว และกินยาคุมฉุกเฉินในตอนนั้นทันที อีกวันต่อมาซื้อยาคุมกำเนิดกินต่อเนื่อง กับยาคุมฉุกเฉิน จะเป็นไรไหมคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)