มีเพศสัมพันธ์หลังหมดประจำเดือน2วัน หลังนอกไม่ได้กินยาคุม จะท้องไหมค่ะ

สวัสดีครับ
การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกนั้นมีโอกาสที่จะผิดพลาดตั้งครรภ์ได้ 4-27% ครับ เนื่องจากในขณะที่มีการสอดใส่นั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ และถึงแม้จะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่เพิ่งหมดประจำเดือนใหม่ก็ยังไม่ได้เป็นการยืนยันว่าจะปลอดภัย เนื่องจากในบางรอบเดือนนั้นอาจมีการตกไข่ที่เกิดขึ้นก่อนกำหนดได้ รวมถึงอสุจิที่เข้าไปในช่องคลอดแล้วก็ยังสามารถอยู่รอปฏิสนธิกับไข่ได้นาน 2-3 วัน

ดังนั้นในกรณีนี้หมอแนะนำว่าควรรับประทานยาคุมฉุกเฉินให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์เพื่อที่จะได้ช่วยลดโอกาสตั้งครรภ์ลง 75-85% แต่ถ้าหากเลยช่วงเวลาดังกล่าวไปแล้วก็ยังอนุโลมให้รับประทานภายใน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ได้ แต่ประสิทธิภาพของยาก็จะลดลงไปเรื่อยๆตามเวลาที่ผ่านไปครับ

และครั้งต่อไปถ้าหากจะมีเพศสัมพันธ์อีกก็ควรมีการใช้วิธีการคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพทุกครั้ง เช่น ถุงยางอนามัย รับประทานยาคุมแบบรายเดือน ฉีดยาคุม ฝังยาคุม

โดยในกรณีที่ต้องการใช้ยาคุมในรูปแบบต่างๆนั้น
- ถ้าจะใช้ในรูปแบบรับประทานก็ให้เริ่มภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน
- ถ้าหากจะใช้ในรูปแบบฉีดหรือฝัง ก็ให้เริ่มใช้ภายใน 7 วันแรกของการมีประจำเดือน

ถ้าหากผ่านมาเกิน 120 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์แล้วก็จะไม่สามารถแก้ไขหรือป้องกันการตั้งครรภ์ได้แล้วครับ

ในตอนนี้หมอแนะนำให้ใจเย็นๆและรอประจำเดือนต่อไปก่อน ถ้าหากประจำเดือนไม่มาจริงๆก็ให้ลองตรวจการตั้งครรภ์ดู โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

และในกรณีที่มีประจำเดือนมาแล้วก็อาจเริ่มการใช้ยาคุมกำเนิดในรูปแบบต่างได้ตามวิธีที่หมอแนะไปครับ ส่วนในระหว่างนี้ถ้าจะมีเพศสัมพันธ์อีก็ให้ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งครับ

การมีเพศสัมพันธ์โดยการหลั่งนอกมีโอกาสทำให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ 4-27% เนื่องจากในขณะที่มีการสอดใส่นั้นอาจมีอสุจิที่ปนอยู่ในน้ำหล่อลื่นของผู้ชายหลุดลอดเข้าไปปฏิสนธิกับไข่ได้ครับ

ดังนั้นถ้าหากมีการขาดประจำเดือนไปหมอก็แนะนำให้ตรวจการตั้งครรภ์เพื่อประเมินให้แน่ใจก่อนว่ามีการตั้งครรภ์หรือไม่ โดยให้ตรวจห่างจากการมีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายอย่างน้อย 14 วันและใช้ปัสสาวะหลังตื่นนอนตอนเช้าในการตรวจ ก็จะให้ผลตรวจที่เชื่อถือได้ 97-99% ครับ

และถ้าหากตรวจตามวิธีข้างต้นแล้วไม่พบการตั้งครรภ์ ประจำเดือนก็อาจมาช้าไปได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ความเครียด
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
ซึ่งถ้าหากเป็นในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้ครับ แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนก็ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุครับ