January 25, 2017 19:01
ตอบโดย
เพชรรัตน์ แซ่ว่อง (พญ.)
เกิดจากความไม่สมดุลในการซ่อมบาดแผลที่ผิวหนัง และพันธุกรรม ผู้ที่มียีนบางอย่าง และเลือดกรุ๊ปเอ กลไกปกติบาดแผลจะซ่อมแซมประมาณ 6-8 สัปดาห์ จะเกิดเส้นใยคอลลาเจนมาปกคลุม เพราะผิวหนังอ่อนแอ ช่วงนี้สิ่งที่ปกคลุมจะเป็นสีแดงและใหญ่ซึ่งควรจะค่อยๆลดขนาดลงและกลายเป็นสีขาว และเรียบไปในที่สุด แต่ก็อาจเกิดความไม่สมดุลระหว่างการสร้างและสลาย คือการสลายน้อยทำให้เกิดพังผืดเส้นใยคอลลาเจนที่มากเกินเกิดเป็นสีแดง และขนาดใหญ่ปกคลุมบาดแผล เกิดเป็นทั้งคีลอยด์ (นูนไปได้นอกขอบเขตบาดแผล) และโรคที่ใกล้เคียงกันคือ Hypertrophic scar หรือแผลเป็นนูน ซึ่งเกิดอยู่ในขอบเขตบาดแผล แต่เกิดจากกระบวนการเดียวกันและการรักษาไปในแนวทางเดียวกัน อายุที่เกิดบ่อยคือช่วงวัยรุ่น 10-20 ปี ซึ่งจะไม่ค่อยพบในเด็กเล็กๆ หรือผู้สูงอายุ เพศที่พบบ่อยคือเพศหญิง อาจเป็นเพราะชอบเจาะหูบ่อยกว่าชาย ทำให้พบปัญหาคีลอยด์ที่หูบ่อยขึ้นไปด้วย ปกติการรักษาคือหายได้เองแต่อาจจะช้า ดังนั้นการรักษาโดยทายา ฉีดยาร่วมด้วยจะช่วยให้ลดอักเสบ ลดคัน เจ็บ และลดขนาดได้เร็ว แต่ก็มักจะเป็นซ้ำได้อีก ควรเลี่ยงการเกิดบาดแผลจะดีที่สุด
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่วันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 386 บาท ลดสูงสุด 61%
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
เป็นแผลคีลอยด์ที่หู แต่ทานวิตามินซีกับคอลลาเจนมีผลทำให้แผลใหญ่ขึ้นหรือเปล่าค่ะเพราะสังเกตหลังจากที่ทานสองตัวนี้แผลใหญ่ขึ้นมากเลยค่ะหรือไม่เกี่ยวค่ะ แล้วมียาทาตัวไหนส่วนลดขนาดรอยแผลไหมค่ะ
คีลอยด์เกิดขึ้นได้อย่างไรคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)