สวัสดีครับคุณหมอ คือผมมีเพศสัมพันธ์กับแฟนเมื่อวันที่7ก.ย.ครับแต่ว่าใส่ถุงยางอนามัยนะครับ หลังจากนั้นแฟนผมก็มีประจำเดือนวันที่28ก.ย.-3ต.ค.แต่พอมาเดือนต.ค.จนถึงวันนี้8พ.ย.แฟนผมประจำเดือนยังไม่มาเลยครับแต่มีอาการเจ็บหน้าอกมา10กว่าวันและมีเลือดออกเล็กน้อยที่บริเวณช่องคลอดแบบนี้จะเสี่ยงตั้งครรภ์ไหมครับ

สวัสดีครับ
จากที่เล่านั้นหมอคิดว่ามีโอกาสที่จะตั้งครรภ์ได้น้อยมากครับ เนื่องจากการมีเพศสัมพันธ์โดยการใช้ถุงยางอนามัยนั้นถ้าหากใช้ได้อย่างถูกต้องก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้เพียง 2-15% เท่านั้น และถ้าหากมีประจำเดือนมาครั้งหนึ่งแล้วหลังการมีเพศสัมพันธ์ก็จะเป็นการบ่งบอกได้ว่าไม่มีการตั้งครรภ์ครับ

ในกรณีนี้ประจำเดือนจึงอาจมาช้าได้จากสาเหตุอื่นๆ เช่น
- ไม่มีการตกไข่ในรอบเดือนที่ผ่านมา
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
- การออกกำลังกายอย่างหักโหม
- น้ำหนักตัวที่มากหรือน้อยเกินไป
- ความเครียด
- ผลข้างเคียงของยาบางชนิด
ซึ่งในกรณีนี้ก็อาจรอประจำเดือนต่อไปก่อนได้อีกระยะหนึ่ง แต่ถ้าหากประจำเดือนขาดหายไปนานกว่า 3 เดือนหรือมีปัญหาประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออยู่บ่อยๆก็ควรให้แฟนไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจหาสาเหตุครับ

แต่ถ้าต้องการตรวจการตั้งครรภ์ให้แน่ใจจริงๆในตอนนี้ก็สามารถตรวจการตั้งครรภ์ให้ผลที่เชื่อถือได้แล้วเพราะได้มีเพศสัมพันธ์ครั้งสุดท้ายมานาน 2 เดือนแล้วครับ

การมีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติในระหว่างรอบเดือนนั้นอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ เช่น
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- มีการอักเสบติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางอย่าง
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติ
- การมีเนื้องอกบางอย่าง

ถ้าหากเลือดที่ออกมานั้นออกมาในปริมาณมาก หยุดยาก ออกมาติดต่อกันหลายวัน หรือมีอาการเลือดออกผิดปกติเกิดขึ้นบ่อยๆ หมอก็แนะนำว่าควรไปพบแพทย์นรีเวชเพื่อตรวจประเมินอาการและให้การรักษาเพิ่มเติมครับ