ตอนนี้ค้องการมีน้องคะ แฟนปล่อยมา 2-3 ปี แล้วคะแต่ก็ไม่เคยติดเลยคะ ไม่เคยคุมกำเนิดตั้งแต่ขูดมดลูกคะ เล่าก่อนนะคะ เมื่อ 8-9 ปีก่อน เคยขูดมดลูกคะ ตัวนี้มีส่วนเกี่ยวทำให้เป็นหมันไหมคะ เคยปรึกษาหมอแนะนำให้ทานโฟลิกก็ยังไม่ติดคะ และถ้าเกิดอยากไปตรวจที่ รพ. ต้องแจ้งว่ามาตรวจอะไรบ้างคะ แผนกไหนบ้างคะ อะไรยังไงคะ ขอบคุณคะ

แนะนำไปแผนกสูตินรีเวชครับ โดยเฉพาะโรงพยาบาลใหญ่ๆจะมีเฉพาะทางพิเศษด้านเจรืญพันธุ์ (Reproductive) ครับ ขอปรึกษาปัญหาการมีบุตรยากครับ

ภาวะมีบุตรยาก เกิดได้จากหลายอย่างครับ
เช่น
-การสร้างอสุจิที่ผิดปกติ
-ความผิดปกติของการสร้างไข่/ตกไข่
-การขนส่งเชื้ออสุจิที่ผิดปกติ
-การมีเพศสัมพันธ์ และหลั่งน้ำเชื้อผิดปกติ
-ความเครียด
-โรคประจำตัวทางกายอื่นๆ
เป็นต้น

แนะนำพบสูตินรีแพทย์ และแนะนำให้พาแฟนไปด้วยครับ อาจจะต้องซักประวัติทั้งฝ่ายชายและหญิงอย่างละเอียด ตรวจร่างกายเพิ่มเติม และส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการที่เหมาะสมครับ ส่วนการรักษาหรือแก้ไข จะทำตามสาเหตุที่พบครับ

-อาจมีส่วนเกี่ยวข้องได้ครับ ทำให้มีผังผืดบริเวณผนังมดลูกและไม่เหมาะกับการฝังตัวของตัวอ่อน ทำให้มีบุตรยากได้ครับ
-ตรวจแผนกสูตินรีเวชกรรมครับ เรื่อง ภาวะการมีบุตรยาก การวางแผนครอบครัว และตรวจความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ครับ

สวัสดีครับ
การขูดมดลูก อาจไม่ได้ มีส่วนโดยตรวในการทำใฟ้เป็นหมันครับ แต่หากผนังมดลูกบางหรือไม่แข็งแรง อาจทำให้การฝังตัวของตัวอ่อนไม่ดีครับ

กรณี คนไข้ ต้องการมีบุตร โดยที่มีความสัมพันธ์ทางเพศกันอย่างสม่ำเสมอ และไม่ได้คุมกำเนิด แต่ไม่สามารถมีบุตรได้ใน 1 ปี แนะนำว่าคนไข้ควรไปพบแพทย์ครับ

การรักษาเรื่องภาวะการมีบุตรยากนั้น ไม่สามารถใช้สิทธิการรักษาพื้นฐาน เช่น สิทธิ์ประกันสังคม หรือ สิทธิสามสิบบาทได้ครับ

ในกระบวนการตรวจเกี่ยวกับการมีบุตรยาก คนไข้ ต้องได้รับการตรวจระบบอื่นๆด้วย รวมถึง ตรวจร่างกายคู่สมรสด้วยค่ะ เนื่องจากการมีบุตร ต้องเป็นควาทพร้อมทางร่างกายและจิตใจของทั้งสองฝ่ายครับ

หากคู่สมรส ทีบุตรยาก และต้องการทีบุตร จะต้องตรวจเช็คร่างกายต่างๆ ดังนี้ครับ

1.ความบูรณ์ของฝ่ายชาย ได้แก่ สุขภาพร่างกายโดยทั่วไป น้ำเชื้อของฝ่ายชาย คุณภาพน้ำเชื้อของฝ่ายชาย เป็นต้นค่ะ รมไปถึง การแก้ไขปัจจัยที่ทำให้มีบุตรยากอื่นๆ ได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มสุรามากๆ เป็นต้น

2.ความสมบูรณ์ของฝ่ายหญิง ได้แก่ สุขภาพโดยทั่วไป เช่น โรคประจำตัวต่างๆ ที่อาจมีผลต่อการตั้งครรภ์ ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง เลือดจาง ตับ ไต เป็นต้น สุขภาพของระบบสืบพันธ์ เช่น รังไข่ มดลูก อุ้งเชิงกราน และอายุของฝ่ายหญิง (เนื่องจาก อายุมากกว่า 40 ปี โอกาสจะตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ ก้อาจไม่มากอยู่แล้ว และอาจมีผบแทรกซ้อนจากการตั้งครรภฺมากครับ) ไปจนถึง ระบบฮอร์โมนเพศต่างๆครับ

ในการตรวจเกี่ยวกับอนามัยการเจริญพันธ์และเรื่องการมีบุตรยากนี้ แนะนำให้พบ สูติรีแพทย์ครับ

สวัสดีครับ
สาเหตุของการมีบุตรยากนั้นเกิดได้จากหลายอย่าง ทั้งปัจจัยจากทางฝ่ายหญิงและฝ่ายชายครับ

ปัจจัยจากฝ่ายชายที่ทำให้มีบุตรยากได้ คือ การมีอสุจิที่มีปริมาณและคุณภาพที่ไม่ดีพอ

ส่วนปัจจัยจากฝ่ายหญิงนั้นอาจเกิดได้จากหลายอย่าง เช่น
- มีปัญหาการตกไข่
- ระดับฮอร์โมนในเลือดที่ผิดปกติ
- ภาวะมีถุงน้ำหลายใบในรังไข่ (PCOS)
- ท่อนำไข่อุดตัน
- เนื้องอกมดลูก
- การมีพังผืดในอุ้งเชิงกราน
- ต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ
เป็นต้น

ถ้าหากได้มีเพศสัมพันธ์อย่างสม่ำเสมอโดยไม่มีการคุมกำเนิดมากกว่า 1 ปีแล้วยังไม่มีการตั้งครรภ์ หมอก็แนะนำให้ไปพบแพทย์สูตินรีเวชก่อน โดยให้แจ้งว่าต้องการตรวจหาสาเหตุของภาวะมีบุตรยากครับ

การมีบุตรยาก เกิดได้จากหลายสาเหตุเลยค่ะ
ทั้งสาเหตุ จากฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง หรือ จากทั้งสองฝ่าย
สาเหตุ ทางฝ่ายชาย ส่วนใหญ่ เกิดจากน้ำเชื้อผิดปกติค่ะ
สาเหตุทางฝ่ายหญิง ก็ยังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่า จะเป็น
1. จากรังไข่ ไข่น้อย ไข่ไม่ตก
2. จากท่อนำไข่ ท่อนำไข่อุดตัน
3. จากโพรงมดลูกผิดปกติ ตัวอ่อนฝังตัวไม่ได้
4. สาเหตุจากปากมดลูก
5. สาเหตุจากการอักเสบ หรือ มีพังผืดในช่องท้อง

ถ้าพยายามสมีบุตรมานานเกิน 1 ปีแล้ว แนะนำปรึกษาแพทย์ค่ะ แพทย์จะทำการซักประวัติ หาความเสี่ยงต่างๆ และตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุ และช่วยให้มีบุตร ตามสาเหตุที่พบต่อไปค่ะ

โดยการตรวจเบื้องต้น หาสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก
ทางฝ่ายชาย หลักๆ คือการตรวจน้ำเชื้อ (Semen analysis) ค่ะ คือการดูปริมาณ ความเขินการเคลื่อนไหว และ รูปร่าง ของเชื้ออสุจิ
ทางฝ่ายหญิง จะมีการตรวจภายใน ตรวจอัลตราซาวด์ดูมดลูกและรังไข่
ส่วนการตรวจเพิ่มเติมอื่นๆ อาจมีการตรวจฉีดสีดูท่อนำไข่ ตรวจเลือดดูฮอร์โมนเพื่อประเมินการทำงานของรังไข่ อันนี้ จะตรวจเลยหรือไมาแพทย์จะพิจารณาจากอายุฝ่ายหญิง ความเสี่ยงต่างๆ ระยะเวลาการมีบุตรยาก

การตรวจท่อนำไข่หลักๆ มี 2 วิธีค่ะ ข้อดี ข้อเสีย ต่างๆกัน คือ
1. การฉีดสารทึบแสง เข้าทางปากมดลูก และเอกเรย์ดูว่า สารทึบแสงผ่านท่อออกมาได้หรือไม่
(Hysterosalpingography)
ข้อดี : ราคาย่อมเยา ไม่ต้องดมยาสลบ ไม่ต้องทำในห้องผ่าตัด ประเมินโพรงมดลูกได้ด้วย
ข้อเสีย : ปวดเวลาทำ ประเมินช่องอุ้งเชิงกรานไม่ได้ ถ้าผลออกมาว่าตัน ผลอาจไม่ชัวร์ 100%

2. การผ่าตัดส่องกล้องเพื่อวินิจฉัย และ ฉีดสีดูท่อนำไข่ (diagnostic laparoscopy with chromopertubertion) จะทำการผ่าตัดส่องกล้อง เห็นเข้าไปในช่องท้องเลย แล้วดูว่าสีที่ฉีดผ่านปากดมลูกออก ทางปลายท่อนำไข่มั้ย

ข้อดี : วินิจฉัยได้ 100% ดูและรักษาพยาธิสภาพในช่องอุ้งเชิงกรานได้เลย ไม่เจ็บเพราะดมยา
ข้อเสีย : ค่าใช้จ่ายสูง ต้องดมยา ทำในห้องผ่าตัด ไม่เห็นในโพรงมดลูก มีแผลที่หน้าท้อง