April 19, 2019 09:07
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
1. การใช้ยาคุมแผงแรก ไม่ว่าจะเป็นมินิดอซหรือยี่ห้ออื่น ๆ ก็ควรรับประทานภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือนค่ะ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ใช้ไม่ได้ตั้งครรภ์อยู่ และการใช้ทันช่วงเวลานี้ จะถือว่ามีผลคุมกำเนิดได้ตั้งแต่เม็ดแรกที่รับประทานด้วยนะคะ
แต่ถ้าเริ่มใช้ไม่ทันช่วงเวลาดังกล่าว และต้องการใช้เลยโดยไม่รอให้ประจำเดือนมาก่อน จะสามารถใช้ได้ในกรณีที่มั่นใจว่าไม่มีการตั้งครรภ์อยู่อย่างแน่นอน เช่น นับจากวันแรกที่มีประจำเดือนในรอบล่าสุด มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์เลย
แต่จะต้องรับประทานมินิดอซติดต่อกันให้ครบ 7 วันก่อนจึงจะมีผลคุมกำเนิดได้นะคะ และการใช้ไม่ตรงตามรอบประจำเดือนเช่นนี้ ก็จะส่งผลให้ประจำเดือนในรอบนี้เลื่อนช้าออกไปตามการใช้ยาค่ะ
2. หากมีผลคุมกำเนิดจากยาแล้ว สามารถมีเพศสัมพันธ์หลั่งในได้เลย ผู้ใช้มีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3 - 9% แต่ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ ความเสี่ยงจะค่อนไปทางต่ำ คือ 0.3% ซึ่งถือว่าน้อยมากจนไม่น่าจะกังวล
กลไกหลักของยาคุมคือการยับยั้งไข่ตกค่ะ ถ้ารับประทานถูกต้องและตรงเวลา ยาจะมีประสิทธิภาพสูงใกล้เคียง 100% ในการยับยั้งไข่ตก และเมื่อไม่มีไข่ตก จะมีเพศสัมพันธ์หลั่งในที่มีอสุจิเข้าไปในช่องคลอดมาก หรือจะหลั่งนอกที่มีอสุจิเข้าไปในช่องคลอดได้น้อยลง หรือจะใช้ถุงยางอนามัยซึ่งถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมก็ไม่ควรจะมีอสุจิเข้าไปในช่องคลอด ก็ไม่แตกต่างกันนะคะ เนื่องจากอสุจิไม่สามารถผสมกับไข่ได้อยู่ดี จึงไม่เกิดการตั้งครรภ์นั่นเอง
ดังนั้น ถ้ามีผลคุมกำเนิดจากยาคุมรายเดือนแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยค่ะ แต่ถ้าต้องการใช้ ก็ไม่ได้มีข้อห้ามนะคะ เนื่องจากถือว่ามีประโยชน์ในการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และหากผู้ใช้ยาคุมลืมรับประทานยาจนไม่มีผลคุมกำเนิดต่อเนื่อง ถุงยางก็จะช่วยลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ลงได้ค่ะ
นั่นคือ ถุงยางไม่ได้เพิ่มประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดของยาคุมรายเดือน แต่ช่วยลดความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์หากเกิดความผิดพลาดในการใช้ยาคุมนั่นเองค่ะ ผู้ที่ใช้ 2 วิธีดังกล่าวร่วมกันจึงมีโอกาสตั้งครรภ์ได้น้อยกว่าค่ะ (เพราะคงเป็นไปได้ยากที่จะพลาดพร้อมกันทั้งสองวิธี)
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ปรึกษาเภสัช สั่งยา ฟรีค่าส่งทั่วประเทศ*
แชทกับเภสัชกรฟรี! 9 โมงเช้าถึงเที่ยงคืน พร้อมรับส่วนลดค่ายา 5% HDmall ออกค่าส่งให้สูงสุด 40 บาท
ถ้าหากใส่ถุงยางอนามัยจำเป็นต้องกินยาคุมร่วมด้วยมั้ยคะ
ตอบโดย
จินตนา แสงโพธิ์ (เภสัชกร)
ไม่มีวิธีคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100% ค่ะ การคุมกำเนิดด้วยวิธีต่าง ๆ ทำได้เพียงลดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ให้ลดน้อยลงเท่านั้น ซึ่งจะลดได้มากหรือน้อยก็ขึ้นกับประสิทธิภาพของแต่ละวิธี และขึ้นกับการใช้ว่าทำได้ถูกต้องและเหมาะสมหรือไม่
หากใช้ยาคุมรายเดือนถูกต้องและตรงเวลาสม่ำเสมอ จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 0.3% ส่วนการใช้ถุงยางอนามัย ถ้าใช้ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด จะมีโอกาสตั้งครรภ์ 2%
จะเห็นได้ว่าประสิทธิภาพสูงสุดของยาคุมรายเดือนสูงกว่าถุงยางอนามัยนะคะ (จึงมีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์น้อยกว่า)
อย่างไรก็ตาม โอกาสตั้งครรภ์ 2% จากการใช้ถุงยางที่ถูกต้องและไม่รั่วซึมหรือฉีกขาด ก็ถือว่าเสี่ยงน้อยมากจนไม่น่าจะกังวลอยู่แล้ว ดังนั้น หากรับความเสี่ยงนี้ได้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ยาคุมร่วมด้วยค่ะ ซึ่งมีข้อดีก็คือไม่ต้องทนกับผลข้างเคียงจากยาคุมนั่นเอง อีกทั้งถุงยางยังช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วยนะคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต คำตอบของแพทย์เป็นการให้ความรู้และคำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรค หรือการรักษา คุณควรพบแพทย์ที่สถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์ตรวจทุกครั้ง หากคุณมีเหตุฉุกเฉินกรุณาโทรแจ้ง 1669
ทำเลสิกวันนี้ ที่คลินิกหรือรพ. ใกล้บ้านคุณ เริ่มต้นที่ 25,500 บาท ลดสูงสุด 35%!!
จองผ่าน HD ประหยัดกว่า / จ่ายทีหลังได้ / ผ่อน 0% ได้ / พร้อมแอดมินคอยตอบทุกคำถาม!
ยาคุมมินิดอซ28 หากรับประทานยาคุมเป็นครั้งแรก จำเป็นต้องทานเม็ดแรกในวันที่ประจำเดือนมาเป็นวันแรกหรือไม่เกิน5วันมั้ยคะ สามารถกินก่อนประจำเดือนมาได้มั้ยคะ และถ้าหากใช้ร่วมกับถุงยางจะช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์มากกว่าวิธีการป้องกันโดยใช้ถุงยางเพียงอย่างเดียวมั้ยคะ
ตอบโดยแพทย์ที่มีใบอนุญาต (คำตอบนี้เป็นการให้คำแนะนำเบื้องต้น ไม่สามารถแทนการวินิจฉัยโรคหรือการรักษา คุณควรพบแพทย์เพื่อรับการตรวจหากมีอาการน่ากังวล)